ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 25 พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยเป็นการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยข้อกล่าวหา 3 ข้อ คือ 1.ไม่ปฎิบัติตามนโยบายเร่งด่วน 12 ประการที่ท่านแถลงไว้เองต่อสภาโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 7 ที่สัญญาว่าจะป้องกันและลดผลกระทบในเชิงสังคม ความปลอดภัย อาชญากรรมทางไซเบอร์ ในทางตรงกันข้ามกลับก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เสียเอง 2.จงใจใช้งบประมาณแผ่นดิน เวลาราชการ และบุคลากรของรัฐในการสร้างความเกลียดชัง 3.มีพฤติกรรมโกหกซ้ำซาก ปฎิเสธว่าไม่มีปฎิบัติการข้อมูลข่าวสาร และไม่ตอบสนองต่อการตรวจสอบของประชาชน และสภาผู้แทนราษฎร
ณัฐชา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้อาชีพทหารแทนที่ทหารจะได้ทำหน้าที่ปกป้องประชาชนจากอริราชศัตรู กลับตั้งตัวเป็นศัตรูของประชาชน แทนที่จะปกป้องสถาบันกษัตริย์ เทิดทูนไว้เหนือการเมือง กลับนำเอาพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะกำบังตัวเองจากการวิจารณ์ของประชาชน เอาความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์มาเป็นอาวุธทำร้ายประชาชน ทั้งหมดก็เพื่อค้ำยันบัลลังก์อำนาจของตัวเอง
ณัฐชา ยังได้เปิดคลิปหลักฐานการประชุมออนไลน์ของ ม.ทบ. ที่ 21 กลางสภาอีกด้วย โดยในการประชุมดังกล่าวได้มีการสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม และมองประชาชนทั่วไปที่วิพากษ์วิจารณ์กองทัพว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งยังได้เผยหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอการประชุมของทหารอีกหนึ่งชิ้นด้วย โดยคลิปวิดีโอนี้เป็นการประชุมเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2563 ซึ่งเป็นเวลาสี่วันก่อนศาลสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่มีการสั่งการให้เตรียมการรับมือการยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างชัดเจน ทำให้เกิดคำถามว่าเหตุใดถึงรู้ก่อน เหตุใดจึงรู้ล่วงหน้าได้
ณัฐชา ยังได้กล่าวต่อไปด้วยว่า จากหลักฐานที่เปิดออกมานี้ จะสังเกตเห็นได้ว่าคนนั่งหัวโต๊ะมีความกังวล และย้ำว่าอย่าให้เอกสารจะหลุด โดยเฉพาะเอกสารการเงิน แสดงว่าปฎิบัติการนี้มีการใช้งบประมาณแผ่นดิน เงินภาษีของประชาชนใช่หรือไม่ ที่พวกท่านใช้มาทำงานด่าทอด้อยค่าประชาชน
“ทหารได้พูดในคลิปว่า ยังไงเราก็สู้ไม่ได้เพราะกำลังสู้กับฝั่งที่จัดตั้งมาดี มืออาชีพ ผมยืนยันตรงนี้นะครับว่าพวกท่านเข้าใจผิด เพราะคนที่ท่านคิดว่าเป็นปฎิบัติการไอโอของอีกฝั่ง แท้จริงเป็นแค่ประชาชน คนทั่วไปที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล การทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อท่านประเมินผิด นโยบายของพวกท่านจึงผิดพลาด คนที่เป็นทหารท่านน่าจะรู้ดีว่า หากกำหนดศัตรูผิดตัว มุ่งรบกับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ปลายทางของพวกท่านมีเพียงความพ่ายแพ้เท่านั้น เพราะยิ่งโดนแฉเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำให้สังคมเห็นว่า คนที่เกลียดรัฐบาล เกลียด พล.อ. ประยุทธ์ เป็นของจริง แต่คนที่ชมรัฐบาล คนที่คอยสรรเสริญประยุทธ์ เป็นของปลอม” ณัฐชา ระบุ
ณัฐชา กล่าวต่อไปด้วยว่า เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีเอกสารฉาวจากกองทัพหลุดมาอีกครั้ง ว่าด้วยการทำไอโอ โดยเป็นการเปิดอบรมผ่านหลักสูตรของโรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน มีกลไกการทำงานแบ่งทีมเป็นฝ่ายขาว ที่เป็นงาน PR ประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจของสถาบันกษัตริย์ และ ฝ่ายดำมุ่งโจมตีด้อยค่าฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อหาไม่จงรักภักดี และล้มล้างสถาบัน เอกสารนำเสนอที่หลุดออกมา ยังระบุกลไกการสั่งงานอย่างเป็นระบบผ่าน 2 แอปพลิเคชั่นที่ให้เอกชนทำขึ้น คือ Twitter Broadcast และ Free Messenger โดยระดับแกนนำเท่านั้นที่จะใช้ 2 แอปพลิเคชั้นนี้ในการทำงาน ส่วนระดับสนับสนุนใช้ไลน์กลุ่มตามเดิม ในเอกสารระบุหน่วยที่ใช้งาน 2 แอปฯ นี้ ว่า มี ร.2.รอ. ร.11.รอ. ร.21.รอ. และป.2.รอ. ทั้งยังปรากฏเป้าหมายยอดบัญชีไอโอกว่า 54,800 บัญชีภายใต้การควบคุมดูแลจากหน่วยงานต่างๆ ของกองทัพถึง 19 หน่วย
“การทวีตข้อความซ้ำๆเป็นร้อยๆพันๆ สร้างกระแสปลอมๆขึ้นมาในทวิตเตอร์ มันผิดกฎครับ องค์กรระดับโลกอย่าง Twitter เลยนิ่งเฉยไม่ได้ เมื่อปลายปีที่แล้ว ทวิตเตอร์ระงับบัญชี 926 บัญชี โดยระบุชัดครับว่าพบปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ IO ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก ทวิตเตอร์ก็มาแบนอีกบัญชีในช่วงเดือนพฤศจิกายน คือบัญชีทางการหรือ official account ของ “โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน” ด้วยข้อหาเป็นสแปม หรือทวีตข้อความซ้ำๆ มากเกินไป” ณัฐชา กล่าว
ณัฐชา กล่าวต่อด้วยว่า การทำไอโอทำในนามโรงเรียนจิตอาสาก็จริง แต่ใช้ทหารในกองทัพ อาทิ ชื่อทวิตเตอร์ ‘เฮียตือ สนามเป้า’ ตัวจริงคือ พันโทธรรม์ มาลัยทอง สังกัดกองพลทหารม้าที่สองรักษาพระองค์ หรือ ชื่อบัญชี ‘เสือขาว’ ที่ทวีตโจมตีผู้ชุมนุมทาง Twitter ปรากฏว่าภาพที่ประกอบทวีต ถูกชาวเน็ตนำไปขยายดูเงาสะท้อนจากกระจกรถ พบว่าสติกเกอร์ติดหน้ารถ ระบุว่าเป็นบัตรผ่านเข้าออก เขตพระราชฐานในพระองค์ 904 ปี 2563 ชื่อ คมทวน คล้ายอักษร ทะเบียนรถ 4กว 5004
ณัฐชา กล่าวว่า มีหลักฐานอีกชิ้นว่ามีการสั่งการหลังบ้าน ให้ปฎิบัติการภารกิจไอโอ โดยผู้ประสานงานจิตอาสา 904 รุ่นหลัก 5/63 พลตรี จักรชัย ศรีคชา หรือที่ทราบกันดีว่าเป็นผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ พิมพ์สั่งลูกน้องโดยมีถ้อยคำที่ว่า “ให้เหมือนเราไปม็อบ แล้วบอกว่าการ์ดอาชีวะ กินเหล้า ทำพฤติกรรมรุนแรง ไม่เห็นด้วยกับเป้าหมายของม็อบ”
ณัฐชา ยังได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่แค่เรื่องใช้ภาษีประชาชน ใช้หน่วยงานรัฐโดยไม่เกิดประโยชน์ แต่ยังใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรี สร้างความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน โดยใช้สถาบันเป็นเครื่องมือ การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะตอกลิ่มให้สังคมร้าวลึกแล้ว ยังทำให้บทบาทและสถานะของสถาบันกษัตริย์ถูกตั้งคำถาม จึงขอไม่ไว้วางใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกต่อไป
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมลุกขึ้นชี้แจงกรณี ณัฐชา อินไชยสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไลก อภิปรายขบวนการไอโอกองทัพ โดยระบุ ว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายสั่งการเรื่องใดเกี่ยวกับไอโอ ขอยืนยันว่ากระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่ได้มีนโยบายจัดให้หน่วยหรือทหารไปกระทำตามลักษณะที่ผู้อภิปรายได้กล่าวปฎิบัติการให้ร้ายบุคคลใดก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันในโซเชียลมีเดียมีข้อความที่ไม่ถูกต้องที่เป็นเท็จ ตามที่ผู้อภิปรายได้พูดไว้ว่าก่อให้เกิดความเกลียดชังและความแตกแยกซึ่งมีผลกระทบต่อสถาบันกระทบต่อ ความสงบเรียบร้อยกระทบต่อประเทศชาติซึ่งมีอยู่จริง ถ้าหากเข้าไปในโซเชียลจะพบว่ามีอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น
ส่วนการกล่าวหาว่าทหารให้ร้ายประชาชนตามที่สมาชิกท่านอื่นได้กล่าวว่าทหารก็คือประชาชน ประชาชนก็คือทหารควบคู่กัน เวลาทหารแต่งเครื่องแบบอยู่ในหน่วยเมื่อกลับไปอยู่ที่บ้านก็คือประชาชน ดังนั้นสิ่งที่กองทัพต้องทำยังไงให้ทหารได้เรียนรู้ได้เข้าใจถึงการพัฒนาเทคโนโลยีให้ติดตามสื่อต่างๆได้อย่างเท่าทันมีสติ และการพิจารณาอย่างถูกต้องตามข้อความที่อยู่ในโซเชียลมีเดียเป็นจริงหรือถูกต้องหรือไม่ ดังนั้นจะโพสต์หรือจะส่งต่อต้องดูผลกระทบต่อความมั่นคงด้วย
ส่วนวิดิทัศน์ที่นำมาเสนอตนเองก็เพิ่งพบเห็นวันนี้ สิ่งที่สำคัญนั้นจะทำอย่างไรให้สังคมอยู่ร่วมกันได้ทหารก็เป็นประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และไม่ใช้ข้อมูลอย่างวิจารณญาณที่ดีซึ่งการกล่าวถึงสื่อประชาสัมพันธ์การนำเสนอข่าว เป็นลักษณะการประชาสัมพันธ์ผลงานซึ่งเป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ที่จะให้ประชาชนได้เห็น ซึ่งอยู่ที่ผู้จัดรายการที่จะดำเนินการในการให้ความรู้ให้ข้อมูลกับประชาชนซึ่งสื่อต่างๆก็มี เช่นเดียวกันถือเป็นการรับรู้ข้อมูลในหลายด้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :