วันที่ 11 พ.ค. 2565 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณี สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐระบุได้พูดคุยทำความเข้าใจกับพรรคเล็กในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว รวมถึงเชื่อว่าจะร่วมหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า ถือเป็นก้าวย่างทางการเมือง เรื่องเหล่านี้ต้องดูข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้น เนื่องจากใกล้ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในเมื่อพรรคเล็กมีข้อมูลและอยากมีส่วนร่วม โดยเฉพาะ พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 ส.ส. ที่แสดงออกอย่างชัดเจนประเด็นความไม่โปร่งใสของโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี จึงได้นำข้อมูลมาผสมผสานกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ส่วนจะมีความระส่ำระสาย หรือคลี่คลายกันได้ในกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคเล็กไม่นั้น ต้องคอยติดตาม เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ หน้าที่หลักเป็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน และหวังว่าข้อมูลที่ฝ่ายค้านมีจะสามารถชักชวนโน้มน้าวให้พรรคเล็กสามารถช่วยยกมือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีให้กับเราได้ ส่วนเรื่องจะมีการล็อบบี้หรือไม่นั้น ตนไม่มีความเห็น
เมื่อมองจากท่าทีของ พิเชษฐ ที่แม้จะไม่ได้มาจากพรรคเล็ก ก็มีแนวโน้มว่าจะได้รับการยกมือไม่ไว้วางใจเพื่อช่วยฝ่านค้านเช่นกัน เพราะมีเจตนาที่ประกาศชัด ตนเชื่อได้ว่าถ้าพรรคฝ่ายค้านมีข้อมูลที่ชี้ชัดให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องสร้างความเสียหายให้บ้านเมืองได้ กลุ่มพรรคเล็กย่อมยกมือให้ ส่วนกรณีที่มีการเรียกตัว พิเชษฐ เพื่อสอบข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐนั้น ตนไม่ขอก้าวล่วง เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ พิเชษฐ โดยตรง
ส่วนเรื่องการนัดรับประทานอาหารระหว่าง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ปฏิเสธไปนั้น นพ.ชลน่าน ชี้แจงว่า การนัดรับประทานอาหารนั้นเป็นไปในนามของสมาชิกพรรค ในการแสวงหาข้อมูลและโอกาสของสมาชิกคนนั้นเอง ไม่ใช่มติของพรรค หรือกรรมการบริหารพรรค ส่วนที่ปรากฏว่า พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธข่าวดังกล่าวนั้น จะมองว่าเป็นการชี้นำหรือครอบงำพรรคหรือไม่ เป็นการบังคับสมาชิกพรรคอื่นขาดความเป็นอิสระในการดำเนินการทางการเมืองหรือไม่ ก็ต้องพิจารณากันต่อไปตามข้อกฏหมาย
‘ชลน่าน’ ชี้ปม ‘ลาซาดา’ เตือน ผบ.ทบ. ปลุกม็อบชุมนุม
ส่วนประเด็นจุดยืนของกองทัพบกที่แสดงออกว่าไม่สนับสนุนแพลตฟอร์ม ลาซาด้า (LAZADA) ในประเด็นเนื้อหาโฆษณาที่กระทบต่อความมั่นคง และด้อยค่าผู้พิการนั้น นพ.ชลน่าน มองว่า เรื่องนี้ต้องคิดโดยละเอียดรอบคอบ ว่ามีผลกระทบด้านอื่นหรือไม่ ควรจะดำเนินการเท่าใดให้สอดคล้องเหมาะสมกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น หากแสดงออกมากเกินไปก็อาจจะกระทบด้านอื่น เช่น การค้าขายออนไลน์ หรือขยายไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ จะเกินเลยไปหรือไม่ ก็ต้องฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบ
ส่วนที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ยืนยันต่อสื่อมวลชนว่าจะไม่มีการรัฐประหารแน่นอนนั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า ต้องขอบคุณท่าน ผบ.ทบ. ที่กล้าประกาศออกมาว่าจะไม่มีเหตุซึ่งนำไปสู่การรัฐประหารหรือยึดอำนาจ เพราะมีคนกลุ่มหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า จะเอาเหตุการณ์สั่งแบนลาซาด้านั้น กระตุ้นให้เกิดการชุมนุมประท้วง หรือใช้เป็นเหตุในการยึดอำนาจหรือไม่ แต่ในเมื่อท่าน ผบ.ทบ.ประกาศมาชัดเจนอย่างนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี
“ผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนคงไม่หลงเชื่อเข้าไปร่วม (ในการชุมนุม) ขนาดนั้น ด้วยใจบริสุทธิ์ ยกเว้นมีการจัดตั้ง ก็ไม่แน่ เพราะการเมืองไทยเกิดเหตุเช่นนี้มาตลอด คงต้องยึดเอาคำประกาศของท่าน ผบ.ทบ.เป็นหลัก ถ้ามีมวลชนมาเคลื่อนไหวจริงๆ ด้วยเหตุการณ์แค่นี้ และมีการลุกลามบานปลาย ก็พอจะสันนิษฐานได้เลยว่า มีเจตนาทำให้เกิดสิ่งนี้โดยการนำมวลชนมาต่อต้านเคลื่อนไหว ทำให้เกิดเหตุการณ์ย้อนไปเมื่อปี 2557 อีก ซึ่งไม่มีใครต้องการ ก็อย่าให้เกิดขึ้นก็แล้วกัน”