ไม่พบผลการค้นหา
แกนนำพรรคพลังประชารัฐเข้าสู่ขอประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล ประสานเสียงสามารถบริหารจัดการรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำได้ "อุตตม" ย้ำประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วม ต้องยกมือโหวต "พล.อ.ประยุทธ์" เป็นนายกรัฐมนตรี

แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค และตัวแทนกลุ่มสามมิตร นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส. บัญชีรายชื่อ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส. บัญชีรายชื่อ เดินทางด้วยรถตู้ 2 คัน เพื่อส่งเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล เวลา 11.00 น. โดยมีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ในฐานะตัวแทนที่กรรมการบริหารพรรคมอบหมายให้ไปเจรจาในการร่วมรัฐบาล ได้แก่ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค, นายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรค, นายธนา ชีรวินิจ รองเลขาธิการพรรค รอต้อนรับ  

โดยนายอุตตม ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนและคณะพรรคพลังประชารัฐมาเรียนเชิญพรรคประชาธิปัตย์ อย่างเป็นทางการ เพื่อให้เรามาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเดินหน้าประเทศไทย สร้างประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนตามที่พรรคของเราได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ นี่คือวัตถุประสงค์หลักที่มาวันนี้ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามธรรมเนียมประเพณีทางการเมืองที่ทำมาโดยตลอด แต่ยังไม่คุยในรายละเอียดถึงตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะวันนี้ถือเป็นพิธีการสำคัญที่มาพบกัน ส่วนในเรื่��งของรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่แต่ละพรรคร่วมมีจะได้มาพูดคุยกันในลำดับต่อๆ ไปว่านโยบายนั้นจะมาร่วมกันทำจะขับเคลื่อนกันอย่างไร การแบ่งงานในแต่ละกระทรวงจะทำอย่างไรเป็นสิ่งที่พูดคุยกันได้ ซึ่งวันนี้เพียงแต่มาพูดคุยเชิญร่วมรัฐบาล ส่วนการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีและนโยบายต่างๆ จะมีการพูดคุยกันอีก ต้องให้สอดรับกัน ทุกพรรคมีนโยบายด้วยกันทั้งนั้น ตอนนี้มีกำลังคนมีคนเก่งๆ สามารถจะมาพูดจาคุยกันได้ในพรรคร่วม 

เมื่อถามว่า การพูดคุยกันครั้งนี้มีข้อตกลงหรือไม่ว่าต้องสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง นายอุตตม กล่าวว่า ในครั้งนี้ถ้าจะเป็นพรรคร่วมแล้ว เราก็คาดหวังว่าพรรคจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมทั้งหมดในการโหวต รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ด้วย

แต่เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าการร่วมรัฐบาลจะแยกออกจากการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีหรืออยู่ในเงื่อนไขว่าหากร่วมรัฐบาลต้องสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นายอุตตม กล่าวว่าตนคิดว่าพรรคร่วมคงเข้าใจกันดีว่า ถ้ามาร่วมงานด้วยกันเราจะสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างไรในขั้นตอนที่เหลือ


พปชร.เทียบเชิญปชป.

เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐมีปัญหาภายในพรรคที่เสียงยังไม่มีเอกภาพจะแก้ปัญหาภายในพรรคอย่างไรจากภาพที่ปรากฎในสภา นายอุตตม กล่าวว่า ในเรื่องนั้นไม่ได้มีปัญหารุนแรงอะไร ซึ่งเป็นธรรมดาไม่ได้เลือกตั้งกันมา 5 ปี ต้องใช้เวลาหารือกัน แต่วันนี้ขอเรียนว่าเราเป็นทิศทางเดียวกัน เดินหน้าไปด้วยกันมีอะไรหรือมีความเห็นที่แตกต่างกันบ้างเป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่ตอนนี้ยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐก้าวไปด้วยกัน ส่วนการโหวตประธานสภาที่มีเสียง 5 คน ที่ไปโหวตอีกฝั่งจนทำให้แพ้ญัตติเลื่อนประชุม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐกล่าวว่าเป็นเรื่องที่ต้องไปบริหารจัดการกันใสพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมทั้งหลาย ถ้าทุกคนมีเจตนาที่แน่วแน่ที่จะทำงานให้ประเทศชาติ แล้วดำเนินการในสิ่งที่ถูกต้อง ตนเชื่อว่าไม่ว่าจะคะแนนเป็นอย่างไรเราก็จะบริหารจัดการกันไปได้ ทั้งนี้ตนมีความมั่นใจเพราะต้องให้โอกาสและเชื่อใจกัน เล็กๆน้อยๆก็มีบ้าง ถือเป็นธรรมดาของการเมือง แต่ประเด็นใหญ่คือถ้าจับมือด้วยกันมันก็จะเดินหน้าไปด้วยกันได้ และวันนี้อยู่ในกระบวนการที่พรรคหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมทั้งหลายที่ได้แสดงความสนใจมาแล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากพรรคร่วมทั้งหลาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ติดใจที่พรรคประชาธิปัตย์เคยหาเสียงว่าไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า “เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผ่านพ้นไปแล้ว วันนี้เราอย่าไปติดใจอะไรกัน อย่าไปสร้างเงื่อนไขใหม่ วันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีแล้วที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น” นายอุตตมกล่าวด้วยว่า ตนคิดว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีคงไม่ช้า ส่วนตัวคิดว่าน่าจะได้นายกฯภายในเดือนนี้ แต่ต้องรอการยืนยันก่อน

ในระหว่างที่นายอุตตม ให้สัมภาษณ์ นายสนธิรัตน์ได้กระซิบกับนายนิพนธ์ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้มาสู่ขอพรรคประชาธิปัตย์เตรียมสินสอดทองหมั้นเป็นกระทรวงใดมาบ้าง นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เอาหัวใจมา เพราะนายเฉลิมชัยเขารวยจะอยู่แล้ว เอาหัวใจมาให้ก็พอแล้ว



พปชร.เทียบเชิญปชป.


เมื่อถามอีกว่าได้ข้อสรุปแล้วใช่หรือไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ 7 เก้าอี้ 4 ว่าการ 3 ช่วยว่าการ หรือ 3 ว่าการ 4 ช่วยว่าการ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า “ไปถามหัวหน้าพรรคผมดีกว่า ไว้รอพวกผมคุยกันก่อน”

เมื่อถามว่า สรุปแล้วประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเริ่มต้นการพูดคุยกันก่อน ทุกอย่างต้องเริ่มต้นมาทำความเข้าใจ อย่ากังวลเรื่องกระทรวง หรือตำแหน่ง เพราะหากทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปได้ พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อม จากนั้นได้มีการถ่ายรูปร่วมกัน โดยสื่อขอให้จับมือกัน แต่ทุกคนก็ยืนนิ่งๆ ไม่ยอมจับ โดยนายเฉลิมชัยยกมือไหว้แทน ก่อนที่จะเดินเข้าไปในอาคารควง อภัยวงศ์ เพื่อพูดคุยเจรจากันต่อไป

ก่อนหน้าที่พรรคพลังประชารัฐจะมา นายเฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การที่พรรคพลังประชารัฐมาเจรจาที่พรรคไม่ได้หมายความว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะหลังจากได้รับการเทียบเชิญ พรรคจะมีเปิดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในวันที่ 28 พฤษภาคม เวลา 17.00 น. และประชุมร่วมกับ ส.ส. ต่อในเวลา 17.30 น. เพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับเขาหรือไม่ ยืนยันยังไม่มีจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ให้พรรคประชาธิปัตย์นั้น ต้องรอให้กระบวนการของพรรคตัดสินใจจะร่วมหรือไม่ร่วมเสร็จสิ้นเสียก่อน จึงค่อยไปพูดถึงเรื่องตำแหน่ง แต่อย่างไรก็ตามในการหาเสียงพรรคมีนโยบายหลายอีกที่เป็นการช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรอย่างแท้จริง ถ้าไม่ร่วมคือไม่ร่วม แต่ถ้าไปร่วมรัฐบาลคิดว่านโยบายของพรรคต้องถูกนำไปปฏิบัติได้ด้วย

ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ที่เคยประกาศจุดยืนในช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่จะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ต้องพูดคุยกันโดยนำเหตุผลต่างๆ ประกอบกัน ซึ่งรวมถึงเหตุผลของนายอภิสิทธิ์ด้วย และต้องมองถึงการทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน ส่วนกรณีการร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล จะครอบคลุมถึงทิศทางการเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ตนคิดว่าต้องนำมาพูดคุยในที่ประชุม เพราะ ปชป. เป็นพรรคที่มีความเป็นประชาธิปไตย ดังนั้น จึงต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกคน   

เมื่อถามว่ามีกระแสโจมตีพรรคว่าจะไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ แต่หากสุดท้ายไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้พรรคสูญเสียศรัทธาหรือไม่ นายเฉลิมชัย ชี้แจงว่า ขอให้กรรมการบริหารพรรคตัดสินใจก่อนดีกว่า และไม่ว่าพรรคตัดสินใจอย่างไรเรามีเหตุผลทั้งสิ้นซึ่งจะมีผลต่ออนาคตทางการเมืองของพรรค และหากร่วมรัฐบาลจริง ตนก็เชื่อว่าจะอธิบายกับผู้ที่ลงคะแนน จำนวน 3.9 ล้านเสียงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้เพราะไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ตนมั่นใจว่าจะมีเหตุผลให้กับทุกคน 

นอกจากนี้ นายเฉลิมชัย ยังกล่าวว่า ในอดีตมีรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำยังสามารถอยู่ต่อไปได้ เพราะอยู่ที่การทำงานและการประสานงานมากกว่า ทั้งนี้ พรรคของยืนยันว่าไม่มีการเรื่องต่อรองตำแหน่งทางการเมืองในการประชุมสภาที่ผ่านมา

เมื่อถามว่า มีโอกาสของพรรคที่จะไม่ไปร่วมรัฐบาลนายเฉลิมชัย ว่า มีแน่นอน เพราะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของที่ประชุมร่วมระหว่าง ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค ตนเป็นเพียงส่วนหนึ่งและเป็นแค่คนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจดังกล่าว แต่ถ้ามติออกมาเป็นอย่างไรต้องเป็นแบบนั้น วันนี้พรรคพลังประชารัฐแค่มาทาบทาม จึงขอให้มีการพูดคุยกันก่อน อย่างไรก็ตาม ของแบบนี้ปิดกันไม่ได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็ต้องแถลงอยู่แล้ว