ไม่พบผลการค้นหา
'ยิ้มสู้คาเฟ่' ร้านกาแฟผู้พิการ ประกาศปิดตัว หลังคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เจ้าของพื้นที่มอบสัมปทานให้ร้านกาแฟแห่งใหม่ ทำให้คณะฯ แถลงชี้แจง ยืนยันคัดเลือกโปร่งใส แต่ 'คาเฟ่ อเมซอน' ผู้ได้รับสัมปทานใหม่ ประกาศถอนตัวแล้ว

คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 3 ต.ค.2563 ชี้แจงกรณีที่ ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้ง 'ยิ้มสู้คาเฟ่' ร้านกาแฟที่สร้างอาชีพให้แก่คนพิการ แจ้งข่าวทางเฟซบุ๊กว่า ต้องปิดร้านสาขาที่อยู่ในพื้นที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันที่ 10 พ.ย.2563 เพราะเจ้าของสถานที่มอบสัมปทานให้ร้านกาแฟอื่นไปแล้ว จะทำให้คนพิการตกงานหลายคน

เนื้อหาในแถลงการณ์ของคณะนิติศาสตร์ มธ.ชี้แจงกรณีที่ถูกพาดพิงว่า สัมปทานร้านยิ้มสู้คาเฟ่สิ้นสุดลงตั้งแต่กลางปี 2563 แต่เนื่องจากมีการปิดมหาวิทยาลัยป้องกันโรคโควิด-19 จึงได้ผ่อนผันผู้บริการในพื้นที่มหาวิทยาลัยสามารถเปิดบริการต่อไปได้โดยไม่ได้เสียค่าเช่าจนถึงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

จนกระทั่งเดือน ส.ค. มีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ คณะนิติศาสตร์จึงดำเนินการคัดเลือกผู้ให้บริการตามหลักเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย และมีผู้เสนอตัวเข้ารับการคัดเลือก 2 ราย ได้แก่ ร้านยิ้มสู้คาเฟ่ และ Café Amazon แต่คะแนนรวมการประเมินของคาเฟ่อเมซอนได้มากกว่าร้านยิ้มสู้คาเฟ่ จึงได้แจ้งว่าร้านยิ้มสู้ไม่ได้รับเลือก แต่ได้รับอนุญาตให้บริการต่อไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.2563

คณะนิติศาสตร์ มธ.ระบุในแถลงการณ์ว่า กระบวนการคัดเลือกร้านกาแฟทั้งสองแห่งดำเนินไปอย่างโปร่งใส และทางคณะไม่เคยกำหนดให้ร้านยิ้มสู้คาเฟ่ยุติการให้บริการและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในวันที่ 10 พ.ย.2563 โดยที่ยังคิดอัตราค่าเช่าเต็มเดือนตามที่มีการระบุลงในเฟซบุ๊กของ ศ.วิริยะ พร้อมยืนยันว่าคณะนิติศาสตร์จะดำเนินการทุกวิถีทางให้ลูกจ้างที่เป็นคนพิการได้ทำงานต่อไปกับผู้ให้บริการใหม่บนพื้นฐานของความสมัครใจของลูกจ้าง

ยิ้มสู้คาเฟ่ กาแฟผู้พิการ

กระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโลกโซเชียล

คำชี้แจงของคณะนิติศาสตร์ มธ. เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายรายโพสต์ข้อความและข่าวที่เกี่ยวกับการปิดร้านยิ้มสู้คาเฟ่ พร้อมอ้างอิงเนื้อหาในเฟซบุ๊กของ ศ.วิริยะ ที่ระบุว่า รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ความพยายามในการหาช่องทางสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนพิการ กลับพ่ายแพ้ต่อระบบนายทุนใหญ่ ซึ่งจะส่งผลให้คนพิการจะต้องดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก

ผู้ใช้ทวิตเตอร์จำนวนหนึ่งที่ติดแฮชแท็ก #ยิ้มสู้คาเฟ่ ตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดร้านยิ้มสู้ฯ จึงไม่ได้รับต่อสัมปทาน และร้านกาแฟแห่งใหม่อย่างคาเฟ่อเมซอนก็เป็นทุนใหญ่ที่มีศักยภาพจะเปิดร้านในทำเลอื่นๆ ได้มากกว่าร้านยิ้มสู้คาเฟ่ซึ่งเป็นผู้ประกอบการทางสังคม

ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์บางรายแสดงความคิดเห็นว่าผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องสัมปทานร้านยิ้มสู้คาเฟ่ให้ฟังความหลายๆ ด้าน เพราะการสำรวจความเห็นที่ใช้ในการประเมินคัดเลือกร้านทั้งสองแห่งเป็นการจัดทำอย่างถูกต้องภายในคณะ และจะมีการจ้างผู้พิการต่อแน่นอน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานออกมาในวันที่ 3 ต.ค.ว่าร้านคาเฟ่อเมซอนประกาศถอนตัวจากการคัดเลือกสัมปทานของคณะนิติศาสตร์ มธ.แล้ว

ส่วนประวัติ 'ร้านยิ้มสู้คาเฟ่' ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ให้บริการเครื่องดื่มในพื้นที่ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตั้งแต่ปี 2561 และสัญญาได้สิ้นสุดในช่วงกลางปี 2563 

ยิ้มสู้คาเฟ่ กาแฟผู้พิการ