ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานอนุกรรมการสื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ พร้อมด้วย ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง และเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานการตรวจจับรถยนต์ควันดำ ณ จุดตรวจควันดำ บริเวณใต้ทางด่วนคู่ขนานลอยฟ้า ถนนบรมราชชนนี ขาเข้ากรุงเทพมหานคร
ธีรภัทร กล่าวว่า จากมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นในช่วงนี้มีการสะสมตัวค่อนข้างมาก โดยสิ่งหนึ่งที่ท่านนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ คือ การบังคับใช้กฎหมายกับต้นเหตุของแหล่งที่กำเนิดมลพิษ โดยการตรวจควันดำในครั้งนี้เน้นตรวจรถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถบรรทุกขนาดเล็ก เพื่อเป็นการให้ผู้ใช้รถได้เห็นสภาพรถของตนเอง และซ่อมบำรุงรักษาสภาพเครื่องยนต์ยนต์ให้ตรงตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
จากการตรวจวัดควันดำ พบว่ามีรถที่มีควันดำสูงเกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด กองบังคับตำรวจจราจร ได้ออกคำสั่งให้เจ้าของรถไปปรับปรุงเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ให้เสร็จภายใน 30 วัน และได้มอบนโยบายเพื่อเป็นการป้องกันและดำเนินการเชิงรุกให้ทำการตรวจวัดควันดำ ณ สถานประกอบการ จุดรวมรถ อู่รถยนต์ รวมถึงรถขนส่งสาธารณะ โดยขอความร่วมมือจากภาคเอกชนและทุกหน่วยงานช่วยกันดูแลไม่ให้รถที่มีควันดำออกมาวิ่งใช้งาน นอกจากนี้ นายธีรภัทร ยังได้ลงพื้นที่ไปสังเกตการณ์ ณ บริเวณจุดตรวจวัดคุณภาพอากาศสถานีริมคลองทวีวัฒนา จากการลงพื้นที่พบว่ามีค่าฝุ่นละออง PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น จึงได้สั่งการให้กรมควบคุมมลพิษประสานเขตทวีวัฒนา เพื่อจัดการระบายจราจรบริเวณดังกล่าวให้คล่องตัว
นอกจากนี้ เถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้บินสำรวจพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในพื้นที่ด้านตะวันตก และทางใต้ของกรุงเทมหานคร (เขตทวีวัฒนา) และจังหวัดสมุทรสาคร ที่มีค่า AQI เป็นสีแดง พบว่าบริเวณดังกล่าวมีการเผาในที่โล่งในหลายพื้นที่ และยังมีโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองที่สูงขึ้น จึงส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นและสุขภาพ และขอความร่วมมือจากประชาชนให้ตรวจรักษาสภาพรถ นำรถไปตรวจสภาพเครื่องยนต์ งดการเผาในที่โล่งและงดกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงนี้ เนื่องจากมีสภาพอากาศปิดอาจทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองได้ หากมีความจำเป็นจะต้องเดินทางออกมาข้างนอกให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันฝุ่นละออง รวมถึงโควิด-19