ไม่พบผลการค้นหา
‘สิระ’ แจงปัดแทรกแซงตำรวจขณะลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ยันไม่ได้ขอให้มาดูแลตัวเอง ย้ำไปในนามส่วนตัวไม่ได้ข้ามเขต ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวถึงกรณีที่มีผู้เผยแพร่คลิปคณะของตนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และตำหนิเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร (สภ.) กะรน โดยชี้แจงว่า เหตุผลที่ตนมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะไม่ได้มีการขอกำลัง หรือคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูตน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่ารู้แล้วว่าจะมี ส.ส.จำนวน 8 คนลงพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนการจัดเวทีสาธารณะโดยที่มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนไม่ต่ำกว่า 200 คน ซึ่งตนโดนขู่ทำร้ายถึงขั้นเอาชีวิต ปกติแล้วตำรวจจะต้องมีแผนป้องกันเหตุ ตนได้ถามกลับไปว่ามีแผนดังกล่าวหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังยืนยันว่ามีแผน โดยที่นำกำลังสำรองเตรียมไว้ที่สถานีตำรวจ

ทั้งนี้ ขอยืนยันอีกครั้งว่าตนไม่ได้ก้าวก่ายการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด แต่เป็นการลงพื้นที่ไปทำงานพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่มีการร้องเรียนเข้ามา ซึ่งเป็นการทำงานเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัว 

"หากดูจากคลิปจะเห็นว่าไม่มี ผมไม่ได้ขอกำลังตำรวจ แล้วตำรวจไม่มา ไม่มีหลักฐานใดว่าผมไปก้าวก่าย ผมแค่ถามว่ามีแผนป้องกันเหตุหรือไม่ ซึ่งเป็นเพียงคำถามปกติ ไม่ใช่คำสั่ง เสียงผมดังเป็นปกติ แต่ไม่มีคำไหนที่เป็นการข่มขู่หรือดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ และคลิปนี้ผมเป็นคนปล่อยเอง เพราะเห็นแล้วว่าไม่มีอะไรที่ทำผิดกฎหมาย จากนี้ไปผมจะลดโทนเสียงลงให้นิ่มนวลมากขึ้น เเต่เป้าหมายในการทำงานยังเหมือนเดิม" นายสิระ กล่าว 

เมื่อถามว่า การกระทำดังกล่าวอาจจะขัดนโยบายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ไม่ให้ ส.ส.ลงพื้นที่ข้ามเขตพื้นที่ของตนเอง นายสิระ กล่าวว่า ตนทำในนามส่วนตัว หากตรงไหนคิดว่าเราทำได้ เราก็จะทำโดยที่ไม่เกี่ยวกับพรรค อะไรที่เหนือกว่าผลประโยชน์ของประเทศไม่มีอีกแล้ว และไม่ว่าจะเป็นระเบียบพรรค หรืออะไรก็ตามที่กีดกันเราไม่ให้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ

ทั้งนี้ ส่วนตัวตนได้ทำความเข้าใจกับนายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ แล้ว ก็มีการสอบถามว่าจะทำอย่างไรกับที่ดินที่ผิดปกติแปลงนี้ เพราะตนจะยังทำหน้าที่ตรวจสอบ 

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบ พฤติกรรมที่เกิดขึ้น นายสิระ กล่าวว่า ตนไม่เคยหนีความจริง ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด ไม่มีเรื่องของเทคนิคใดๆ เพราะตนไม่ได้ออกคำสั่งหรือก้าวก่าย 

'ฝ่ายค้าน' จี้สอบ 'สิระ' โวย ตร.กะรน 'ชวน' แจงเป็นเรื่องส่วนบุคคล

ส.ส. ฝ่ายค้าน ร้องตั้งคณะกรรมการสอบ ‘สิระ’ กรณีแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อตำรวจ สภ.กะรน ‘ชวน’ แจงเป็นเรื่องส่วนบุคคลต้องดำเนินการตามกฎหมาย และต้องรอพิจารณาข้อบังคับการประชุม

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (21 ส.ค.) ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุม ได้เปิดให้สมาชิกหารือก่อนเข้าสู่วาระการประชุม โดย พล.ต.ท.วิศนุ ม่วงแพรสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ลุกขึ้นขอหารือเรื่องกรณีข่าวฉาว ส.ส.ใช้คำพูดตำหนิการทำหน้าที่ของตำรวจในขณะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตว่า ถูกตั้งข้อสงสัยจากสังคมว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่

ซึ่งการที่ ส.ส.กทม.ในเขตหลักสี่ แต่ไปทวงผืนป่าที่ภูเก็ต ขณะที่พรรคก็ไม่รู้ไม่เห็นไม่รับผิดชอบ การกระทำเช่นนี้สามารถทำได้หรือไม่ โดยมองว่าการกระทำดังกล่าว พฤติกรรมเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 ฝ่าฝืนจริยธรรมที่กำหนดไว้โดยศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ จึงขอให้ประธานสภาฯ ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสภาผู้แทนราษฎร

โดยนายชวน ระบุว่า ยอมรับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นและกระทบกับภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องของสภาฯ ก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นกับนายกรัฐมนตรีที่วิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองรุนแรง ตนในฐานะประธานสภาฯ ได้แจ้งกับนายกรัฐมนตรีว่าอย่าเหมารวมว่าเป็นนักการเมืองทุกคน เพราะเป็นเพียงแค่การกระทำของบุคคลเท่านั้น เช่นเดียวกับเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมใคร เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ในฐานะที่เป็น ส.ส. ก็ต้องช่วยกันป้องกันและให้โอกาสผู้ที่ถูกพาดพิงได้ชี้แจง

ทั้งนี้ เมื่อนายชวน เปิดโอกาสให้ผู้ถูกพาดพิงได้ชี้แจง ก็กลับไม่มีสมาชิกคนใดลุกขึ้นชี้แจงแต่อย่างใด

ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เสนอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรใช้อำนาจตามข้อบังคับการประชุมสภาข้อ 8(5) ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ส.ส. ข่มเหงผู้น้อยอีก และยังจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสภาผู้แทนราษฎรในสายตาประชาชน

นายชวน ตอบว่า ถ้าเป็นเรื่องภายในสภา ประธานสภาจะมีอำนาจเต็มที่ แต่เมื่อเหตุเกิดข้างนอกก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมืองและเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว ส่วนข้อเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการจริยธรรม ถ้ารัฐสภาพิจารณาข้องบังคับการประชุมฉบับใหม่เสร็จ ก็จะมีคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมเข้ามาทำหน้าที่ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: