ท่ามกลางสภาวะที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยกำลังถดถอย และถูกซ้ำเติมด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เรียกได้ว่าผลกระทบโยงเป็นลูกโซ่ ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมการบินของไทย โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำ หรือ ‘โลว์คอสต์แอร์ไลน์’ ที่ผลประกอบการปีนี้คงหนีไม่พ้นตัวเลขขาดทุนซ้ำหนักต่อเนื่องจากปี 2561 ตามหลัง ‘การบินไทย’ สายการบินแห่งชาติไปติดๆ จนหลายคนต้องออกมาแสดงความเป็นห่วงว่าอีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ คงมีสายการบินต้นทุนต่ำสักสีที่ต้องอำลาวงการ จำต้อง ‘ล้มหายตายจาก’ หรือ ประกาศปลดพนักงานเป็นแน่แท้
5 สายการบิน ขอลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
ล่าสุดสายการบินไทยแอร์เอเชีย ไทยไลอ้อนแอร์ นกแอร์ ไทยเวียตเจ็ท และบางกอกแอร์เวยส์ ที่เป็นคู่แข่งกันมาแต่ไหนแต่ละไรในอุตสาหกรรมการบิน ต่างก็รุกขึ้นมาจูบปากร่วมลงนามข้อเรียกร้อง 1 ฉบับ ส่งตรงถึง 'อุตตม สาวนายน' รมว.คลัง เพื่อขอลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง หลังปรับขึ้นภาษีดังกล่าวโดดเด้งเป็น 4.726 บาท/ลิตร ตั้งแต่ปี 2560 จากเดิมแค่ 20 สตางค์/ลิตร
ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ เด้งรับ หวั่นสายการบินล้มตาย
'ชาญกฤช เดชวิทักษ์' ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เป็นตัวแทนออกมารับมอบหนังสือทันที ได้แต่ยอมรับว่า เหตุที่ต้องเก็บภาษีแพงขึ้น เพราะในขณะนั้นประชาชนต่างนิยมชมชอบเดินทางโดยสารเครื่องบินมากขึ้น และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรรมทางด้านภาษี เนื่องจากน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ก็จ่ายภาษีสรรพสามิตเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ยืนยันว่าภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจต่อประเด็นข้างต้น พร้อมเตรียมรับลูกนำข้อเสนอจากผู้ประกอบส่งถึง รมว.คลัง ทันที เพื่อไม่ให้อุตสาหกรรมการบินทรุดหนักไปมากกว่านี้
อีกทั้ง ยังยอมว่า ลึกๆ แล้วแอบหวั่นใจว่าสายการบินสัญชาติไทยทั้งหลายจะล้มหายตายจากไปเสียก่อน
อย่างไรก็ดี หาก รมว.คลังเห็นชอบก็จะมีการตั้งคณะกรรมการบรรเทาปัญหาผู้ประกอบการทันที โดยจะพิจารณาแนวทางตามที่สายการบินนำเสนอ คือ ขอลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงก่อน หากธุรกิจดีขึ้นค่อยกลับมาปรับใหม่ หรือการกำหนดปัจจัยอัตราแลกเปลี่ยนเป็นแบบขั้นบันใด เพื่อบริหารจัดการซื้อสต็อกน้ำมันที่ปรับเปลี่ยนตามค่าเงินบาทที่แปรผันไปตามแต่ละช่วงเวลา โดยยืนยันว่าจะรีบสรุปโดยเร็วที่สุด
เศรษฐกิจย่ำแย่ คนไม่มั่นใจใช้จ่าย ทำผู้โดยสารในประเทศลดแล้วร้อยละ 4-5
'ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์' ในฐานะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO สายการบินไทยแอร์เอเชีย ยอมรับว่า ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/2562 พบว่า นักท่องเที่ยวเดินทางน้อยลงอย่างมาก โดยเฉพาะการเดินทางภายในประเทศลดลงไปแล้วกว่าร้อยละ 4-5 หลังจากไม่มีความมั่นใจที่จะใช้จ่าย เหตุเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ชะลอตัว ทำให้คาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้อุตสาหกรรมการบิน โดยเฉพาะ 'โลว์คอสแอร์ไลน์' ผลประกอบการทุกสายการบินคงขาดทุนต่อไปอีกปี
ชะลอรับมอบฝูงบินใหม่-หั่นความถี่เที่ยวบินลงร้อยละ 15
นอกจากนี้ สายการบินไทยแอร์เอเชียที่มีแผนจะรับมอบเครื่องบินใหม่ในปี 2562 จำนวนทั้งสิน 5 ลำ ขณะนี้ก็รับไว้เพียง 4 ลำ ขณะที่ปี 2563 เดิมมีแผนที่จะรับเครื่องบินใหม่ 5 ลำ ก็ขอชะลอออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่าขอรอดูตัวเลขในช่วงครึ่งปีแรกก่อนว่าจะฟื้นกลับมาได้หรือไม่
ขณะเดียวกัน ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาไทยแอร์เอเชียยังต้องประกาศลดเที่ยวบินลงถึงร้อยละ 15 จากเที่ยวบินทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินในเส้นทางหลัก ทั้ง เชียงใหม่ กระบี่ และภูเก็ต หลังอัตราบรรทุกผู้โดยสารต่อลำหายไปอย่างน่าตกใจ
ส่วนประเด็นกระแสข่าวให้พนักงานหยุดงาน 3 เดือน เพื่อลดผลกระทบ 'ธรรศพลฐ์' ยืนยันว่า "ไม่มีไม่มี ทุกข่าวที่ออกมาล้วนปลอมทั้งสิ้น แม้จะอยู่ในภาวะขาดทุนก็ยังไม่มีแผนปรับลดพนักงานใดใดทั้งนั้น"
ผลประกอบการตายยกหมู่
ปัจจุบัน ตามรายการผลประกอบการ 4 สายการบินสัญชาติไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2562 พบว่า
แม้ว่าขณะนี้จะเข้าสู่ช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว แต่ผู้บริหารหลายสายการบิน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า 'โลว์คอสแอร์ไลน์มาถึงช่วงที่ค่อนข้างวิกฤต' ต้องลดทุกรายจ่าย ปรับทุกการตลาด เพื่อให้ธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อไปให้ได้
ท่ามกลางสมรภูมิที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จะมีผู้ได้ไปต่อ หรือ ต้องตัดสินใจหยุดพักให้ได้หายใจ หลังผ่านยุคเฟื่องฟูมาเมื่อ 2-3 ปีก่อน สุดท้าย 'โลว์คอสต์แอร์ไลน์' มาได้ไกลสุดเท่านี้จริงหรือ? ต้องติดตามกันต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :