22 ต.ค.2566 ราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และประเด็นการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า
เชื่อว่าทุกคนเริ่มเห็นแล้วว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ชื่นชอบคำติติงที่เป็นประโยชน์ รับไม่ได้กับเหตุผลที่เกิดมาจากฝ่ายที่เห็นไม่ตรงกันกับรัฐบาล ทั้งๆที่หลายเรื่อง หลายฝ่ายได้ท้วงติงอย่างมีหลักมีเกณฑ์ เช่นเรื่องนโยบาย"ดิจิทัลวอลเล็ต"ที่จะมีการแจกเงิน 10,000 บาท และในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมาให้ความเห็นด้วยเหตุด้วยผล เริ่มตั้งแต่จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และตนที่เป็นโฆษกพรรค รวมถึงฝ่ายนโยบายของพรรค แต่จะเห็นว่ามีองคาพยพในพรรคเพื่อไทยออกมาแสดงความเห็นตอบกลับอย่างไร้วุฒิภาวะ เช่น พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ไปไกลถึงขนาดกล่าวว่ากลับไปปัดกวาดบ้านตัวเองก่อนจะมาสั่งสอนคนอื่น กลับไปหาหัวหน้าพรรคให้ได้ก่อน เหมือนสมองกับปัญญาไม่สอดคล้องกันจึงทำให้คิดไม่ออกว่ามันคนละเรื่อง เพราะไม่สามารถชี้แจงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตได้ก็จะยกเรื่องนี้มาตลอด ทำให้ตน
ต้องย้ำเสมอว่าการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นเรื่องประชาธิปไตยภายในพรรค ที่มีการแข่งขันกันตามปกติ ไม่ใช่พรรคครอบครัว ที่จะมีใครมาสั่งให้ซ้ายหันขวาหัน ชี้ว่าจะเอาใครมาเป็นหัวหน้าพรรคได้ สถาบันทางการเมืองที่แท้จริงไม่มี หัวหน้าพรรคหุ่นเชิด ไม่มีหัวหน้าพรรคติดคุกหนีคดี พรรคประชาธิปัตย์เลือกหัวหน้าพรรคช้าไปบ้างก็เพราะเราคัดสรร เราไม่ได้เลือกหัวหน้าโจรที่ไม่ต้องพิถีพิถันเอาใครก็ได้
มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ฝากบอกพร้อมพงศ์ว่า อย่าเสือก แต่ตนบอกไปว่าตนจะไม่ใช้คำพูดเช่นนั้นและอย่าไปให้ราคา ดังนั้นตนขอเพียงจะบอกว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกับพรรคอื่นเลย เราต่างทำหน้าที่ และขณะนี้ตามกฎหมาย คณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันก็ยังมีอำนาจในการทำหน้าที่ได้ทุกประการ
ราเมศกล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ แต่กระบวนการตรวจสอบได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่รัฐบาลเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะฝ่ายค้านก็จะทำหน้าที่ด้วยเหตุด้วยผล ห้วงเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจยังไม่ได้มีการคุยกัน ในส่วนนายกรัฐมนตรีขณะนี้มีหลายเรื่องที่น่าติดตาม เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมนายกรัฐมนตรีก็จะทราบและต้องชี้แจงด้วยเหตุด้วยผลตามกลไกในระบบประชาธิปไตย