นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่สูง ดังนั้น นอกจากการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ได้ทำแล้ว ก็อยากขอให้รัฐบาลได้พิจารณาการลดค่าไฟฟ้าโดยควรลดค่าไฟฟ้าต่อหน่วยลงด้วย เพราะกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศในปี 2562 เกินความต้องการไปถึงร้อยละ 32 ส่วนปีนี้ (2563) ตัวเลขอาจสูงไปถึงร้อยละ 40 เนื่องจากเศรษฐกิจที่ถดถอยที่คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยน่าจะติดลบหนักมาก ซึ่งจะทำให้ความต้องการในการใช้ไฟฟ้าน้อยลง แต่การคำนวณค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายจะนำค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้า หมายถึงกำลังผลิตไฟฟ้าส่วนเกินนี้มาคำนวณด้วย ทำให้ค่าไฟฟ้าของประชาชนสูงกว่าความเป็นจริง จึงอยากให้รัฐบาลเจรจากับเอกชนที่ผลิตไฟฟ้าขายให้รัฐบาล ลดค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้าตรงนี้ลง เพื่อให้ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่ประชาชนต้องจ่ายถูกลงไป
ดังนั้น ยังอยากให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ลดส่วนต่างกำไรที่ซื้อจากเอกชน แล้วมาขายให้ประชาชนลงไป ตัดกำไรตัวเอง เพราะ ที่ผ่านมากฟผ. มีกำไรสูงมาก และขอให้กระทรวงพลังงานเข้าไปพูดคุยกับ ปตท.ให้ปรับลดราคาก๊าซธรรมชาติ เชื้อเพลิงหลักผลิตไฟฟ้าให้ถูกลง ตามราคาน้ำมันที่ถูกลงในปัจจุบัน จะได้ปรับลดค่าเอฟที ทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลงกว่าที่เป็นอยู่ด้วย เป็นการช่วยเหลือในระยะยาว ไม่ใช่แค่มาลดราคาช่วงวิกฤติ ที่สำคัญกระทรวงพลังงานไม่ควรออกใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมช่วงนี้ เพราะกำลังการผลิตเกินความต้องการมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าที่จะมีราคารับซื้อไฟฟ้าในราคาสูง เพราะจะทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้นไปด้วย
ดังนั้น จึงอยากขอให้รัฐบาลได้มีหลักคิดให้ดีในการบริหารงานด้านพลังงาน เพราะหากบริหารสะเปะสะปะจะเป็นผลเสียกับประเทศในระยะยาว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :