ไม่พบผลการค้นหา
เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ระบุว่า ฝรั่งเศสต้องกลับคืนสู่อำนาจ “ในทุกระดับ” หลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบของการก่อจลาจลในประเทศเมื่อเร็วๆ นี้ สืบเนื่องจากเหตุตำรวจยิงวัยรุ่นรายหนึ่งเสียชีวิต โดยมาครงระบุอีกว่าว่าการเลี้ยงดูลูกหลานที่ไม่ดี เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่วัยรุ่นพากันออกไปตามท้องถนนเพื่อก่อจลาจล

ก่อนหน้านี้ ตำรวจฝรั่งเศสสังหาร นาเฮล วัย 17 ปี วัยรุ่นชายฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรีย ระหว่างการเรียกหยุดรถเมื่อเดือนที่แล้ว ส่งผลให้เกิดการเดินขบวนประท้วงและความวุ่นวายเป็นวลา 6 คืน โดยมีกลุ่มชายหนุ่มเข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจุดไฟเผาอาคารสาธารณะและรถยนต์ ทั้งนี้ มีหลายฝ่ายกล่าวหาว่ารัฐบาลฝรั่งเศสปล่อยให้วัฒนธรรมการเหยียดเชื้อชาติในองค์กรตำรวจลุกลาม อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยิงนาเฮลเสียชีวิตถูกตั้งข้อหาเจตนาฆ่า และถูกจำคุกเพื่อรอการพิจารณาคดี

ประธานาธิบดีฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น เพื่อประณามเหตุที่มาครงเรียกว่าเป็น “ความรุนแรงที่สุดจะบรรยาย” จากการปะทะกันบนท้องถนน รวมถึง “การเผาโรงเรียน ศาลากลาง โรงยิม และห้องสมุด” และ “ความรุนแรงจากการปล้นสะดม” มาครงยังกล่าวอีกว่า "บทเรียนที่ผมได้รับจากสิ่งนี้คือ ระเบียบ ระเบียบ ระเบียบ"

อย่างไรก็ดี มาครงไม่ได้กล่าวถึงข้อกังวลของกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย และจากกลุ่มนักสิทธิว่าการจลาจลสะท้อนถึงความโกรธแค้นที่มีต่อการเหยียดเชื้อชาติ และการเลือกปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมาย แต่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสกลับเน้นหนักไปที่ความต้องการการใช้อำนาจ กฎหมาย และระเบียบที่เพิ่มมากขึ้น โดยมาครงกล่าวว่า “คำสั่งต้องอยู่เหนือกว่า ไม่มีเสรีภาพใดหากปราศจากคำสั่ง”

มาครงกล่าวย้ำถึงคำแนะนำของเขาว่าการเลี้ยงดูลูกที่ไม่ดี โดยเฉพาะพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว มีส่วนทำให้วัยรุ่นอายุเพียง 16 ปีออกมาต่อต้านตำรวจตามท้องถนน ประธานาธิบดีฝรั่งเศสยังกล่าวถึงผู้ที่ถูกจับกุมว่า “คนส่วนใหญ่มีกรอบทางครอบครัวที่เปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นเพราะพวกเขามาจากครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว หรือครอบครัวของพวกเขาได้รับผลประโยชน์ค่าเลี้ยงดูบุตร” ก่อนที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะระบุว่า เขาเตรียมจะออกนโยบายเพื่อมุ่งเน้นไปที่ทักษะการเป็นพ่อแม่และการสนับสนุนครอบครัว

มาครงยังวิจารณ์บทบาทของโซเชียลเน็ตเวิร์ก ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและการปล้นสะดม โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวว่า “เราจำเป็นต้องปกป้องวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวของเราจากหน้าจอให้ดียิ่งขึ้น” มาครงยังกล่าวอีกว่า เนื้อหาบางอย่างควรถูกลบออกเมื่อมีการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง และจำเป็นต้องมี “ระเบียบดิจิทัลสาธารณะ" เพื่อ "หยุดความเกินเลย"

ทั้งนี้ มาครงยังถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เพิ่มขึ้น หลังจากการจำคุกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าทำร้ายชายหนุ่มอย่างรุนแรงระหว่างการปะทะกันในเมืองมาร์แซย์ โดย เฮดี ชายวัย 21 ปี ที่ระบุว่า เขาถูกชาย 4-5 คนทุบตี ซึ่งเขาระบุว่าชายกลุ่มดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ ทนายความของเฮดีกล่าวว่า เขาถูกตำรวจยิงลูกบอลระเบิดเข้าที่ศีรษะ จนเขาต้องเข้ารับการผ่าตัด และเสี่ยงที่จะสูญเสียการมองเห็น ในขณะที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 รายในมาร์แซย์ถูกควบคุมตัวเพื่อรอพิจารณาคดี แม้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝรั่งเศสจะระบุว่า เจ้าพนักงานไม่ควรโดนดำเนินคดีเหมือนประชาชนทั่วไป

ในทางตรงกันข้าม กลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายฝรั่งเศสออกมาตอบโต้ความเห็น ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝรั่งเศสด้วยความโกรธ พร้อมระบุว่าคำพูดดังกล่าวเป็นความพยายามทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เหนือกฎหมาย ที่ต้องบังคับใช้อย่างเสมอหน้ากัน แต่มาครงระบุว่า เขาเข้าใจ "อารมณ์" ของตำรวจหลังจากความยากลำบากในการแก้ปัญหาความไม่สงบเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ย้ำว่า "ไม่มีใครในสาธารณรัฐอยู่เหนือกฎหมาย"


ที่มา:

https://www.theguardian.com/world/2023/jul/24/emmanuel-macron-france-return-authority-every-level-unrest?CMP=Share_AndroidApp_Other&fbclid=IwAR0EIQ6AWm5FbsIdmWi7tqGnP7559AQVg2tAE1xQ2KLN2Q8euqIJzpC7PtM