นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง การที่ฝ่ายค้านโจมตีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม กรณีที่อ้างว่ากล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน นั้น ว่า ไม่ขอตอบ เนื่องจากเสร็จเรียบร้อยกระบวนการครบถ้วน และผ่านพ้นไปแล้ว

เมื่อถามว่า เคยมีปัญหาการอ่านคำถวายสัตย์ไม่ครบหรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า เคยมี ส่วนหากฝ่ายค้านจะยื่นขอให้สถานะ ครม.เป็นโมฆะได้หรือไม่นั้น นายวิาณุกล่าวว่าคงต้องถามผู้ยื่น ตนไม่ขอตอบ เพราะนายกรัฐมนตรีได้ตอบแล้วในสภา "ตอนนี้ถือว่าเรียบร้อย ถือว่าจบ เพราะได้รับพระราชทานพร ใส่เกล้าใส่กระหม่อม จะมีอะไรต้องพูดต่อกันอีก" นายวิษณุกล่าว

รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 คาดว่าจะเข้าสู่สภาเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งคงเป็นช่วงปิดสมัยประชุมแล้ว แต่คงต้องเปิดสมัยประชุมวิสามัญได้หลังจากนั้นใช้เวลาอีก 2 เดือนเศษ คาดว่ากลางเดือนมกราคมจะสามารถประกาศใช้ได้แต่จะมีผลย้อนหลังมาวันที่ 1 ต.ค. อยู่ดี และหลังจากนี้จะใช้เวลาปรับให้นโยบายสอดรับกับนโยบายรัฐบาลและของแต่ละกระทรวงเพราะการเตรียมไว้ก่อนเป็นการเตรียมไว้ในรัฐบาลที่แล้ว กรอบวงเงินกำหนดไว้กว้างๆ ที่ 3.3 ล้านล้านบาท แหล่งที่มาตามรายได้ตามรัฐธรรมนูญ​ มาจากภาษี ซึ่งต้องปรับปรุงการจัดเก็บภาษีให้ใรประสืทธิภาพยิ่งขึ้นส่วนที่เกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใช้งบประมาณแผ่นดินไม่พอต้องใช้ PPP รัฐลงทุนร่วมกับเอกชน ส่วนกรณีการดำเนินการระยะยาว รัฐจะใช้เครื่องมือแบบใหม่ ลดรายจ่ายงบประมาณที่ไม่จำเป็นลง 

ส่วนเรื่องการแบ่งงานของรองนายกรัฐมนตรี ที่นายกรัฐมนตรีกำกับดูแลดีเอสไอจะมีผลต่อการพิารณาคดีสำคัญหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่มีผล การกำกับดูแลไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ในอดีตก็เคยกำกับดูแลไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไร ซึ่งเจ้าหน้าที่เมื่อมีอะไรต้องรายงานรัฐมนตรี ในอดีตเคยแบ่งงานบางกรมให้นายกรัฐมนตรี กำกับดูแลบางกรมเพราะนายกรัฐมนตรี การกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่แล้วจึงมากกำกับดูแลดีเอสไอเพราะทำทำงานคู่ขนานกัน และที่สำคัญดีเอสไอทำงานในรูปคณะกรรมการที่เรียกว่าคณะกรรมการคดีพิเศษกว่าร้อยละ 80 ซึ่งตนเป็นประธานไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีทราบว่าที่ผ่านมา ดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีปัญหารัะหว่างกันบ้างจึงลงมากำกับเอง แต่ตนก็เป็นคนกรองคดีอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่าไม่ใช่เหตุผลของการไม่ไว้ใจฝ่ายการเมือง

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีพูดในสภาเกี่ยวกับคดีความของพรรคฝ่ายค้าน เกี่ยวเนื่องกับการกำกับดูดีเอสไอหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีหมายถึงอะไรเพราะคดีมีหลายที่ อาทิ สตง. ปปช. สรรพากร เป็นต้น มีทั้งคนในรัฐบาลและฝ่ายค้าน เมื่อมีการร้องเรียนกล่าวหาก็ดำเนินคดีหมดทุกคน 

นายวิษณุ ยังกล่าวถึง การที่ประชาชนติดตามคดีสำคัญที่เงียบไปอย่างคดีธัมมชโยนั้น เมื่อนายกรัฐมนตรีมากำกับดูแลจะสามารถตามตัวดำเนินคดีได้หรือไม่นั้นไม่ทราบ คงไม่ถึงขั้นว่านายกรัฐมนตรีมากำกับดูแลแล้วจะจับตัวได้

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเตรียมจะเรียกประชุมผู้บริหารระดับปลัดกระทรวง ผู้ว่า รับมอบนโยบาย ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องชี้แจงแก่ข้าราชการประจำได้เข้าใจอย่างละเอียดเพราะนโยบายมีไว้กว้างๆ สำหรับดำเนินการ 4 ปี ในสภาอาจชี้แจงไม้ละเอียดโต้ตอบกันไปมาเมื่อเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายรัฐบาล รัฐบาลต้องถ่ายทอดให้แก่ผู้ปฏิบัติ ครั้งนี้จะจัดที่เมืองทองธานีในวันที่ 8 ส.ค. มี นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปมอบนโยบาย

ส่วนกรณี ป.ป.ช. ชี้แจงขั้นตอนการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยนายวิษณุเป็นรัฐมนตรีเก่า 1 ใน 7 ที่ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน นั้น นายวิษณุระบุว่า ตนและรัฐมนตรีเก่าทั้งหมดจะยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเพื่อความสบายใจ ส่วนใหญ่ปัญหาที่พบในรัฐมนตรีใหม่คือการเป็น ส.ส.แล้วลาออกมาเป็นรัฐมนตรี จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินในสถานะใด และ ป.ป.ช. ได้ชี้แจงรายละเอียดให้ยื่น สถานะล่าสุด

ส่วนการชี้แจงทรัพย์สินหนี้สินของภรรยา และคู่สมรสที่จดทะเบียน เรื่องนี้นายวิษณุกล่าวว่าไม่มีใครถามเพราะไม่มีใครอยากเปิดเผย แต่ เรื่องของกิ๊กได้มีการซักถาม ว่าคำว่ากิ๊กมีความหมายรวมถึงอะไร โดยชี้แจงถึงบุคคล3 ประเภท คือสมรสกันแต่ไม่จดทะเบียน ,จดทะเบียน ต่อมาหย่า แต่อยู่กินกันตามปกติ,ไม่ได้จดทะเบียน แต่ควงกันออกงานเป็นนิจสิน เป็นกิจวัตร สม่ำเสมอเปิดเผยเป็นที่รู้โดยทั่วไป เป็นกลุ่มที่ต้องยื่นบัญชี แต่ไม่ได้หมายรวมถึงคู่ควง 

นายวิษณุ ยังกล่าวถึง เงื่อนไขของกฎหมาย ที่ ส.ส. จะย้ายสังกัดพรรคการเมือง ว่า ไม่สามารถย้ายได้แต่หากเเป็นสมาชิกพรรคสามารถย้ายได้ แต่ส.ส.ไม่สามารถทำได้เพราะการย้ายพรรคเท่ากับต้องลาออก ซึ่งการลาออกจากพรรคเท่ากับขาดสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ส่วนกรณีที่พรรคขับออก ก็สามารถออกไปหาพรรคใหม่สังกัดได้,หากพรรคถูกยุบมีสิทธิไปหาพรรคสังกัดได้ภายใน 60 วัน ส่วนพรรคการเมืองจะยุบไปควบรวมกับพรรคอื่นไม่ได้