อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงกรณีการแฮกข้อมูล เรียกค่าไถ่ สกุลเงินตราแบบดิจิทัล (บิตคอยน์) โรงพยาบาลจังหวัดสระบุรี ว่า ได้รับรายงานแต่ยังไม่ได้รับรายละเอียด ขณะนี้กำลังดำเนินการเพื่อร้องขอไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหาวิธีป้องกัน ขอประชาชนเชื่อมั่นระบบ Backup ข้อมูลไปยังแพลตฟอร์มอื่นที่จะรองรับปัญหาดังกล่าวอยู่แล้ว แต่ต้องกลับมาพิจารณาถึงแนวคิดการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำและในโรงพยาบาลอื่นจะต้องมีการอัปเดตข้อมูลอยู่ตลอดเวลาโดย จากนี้ต้องมีการตรวจสอบว่าเกิดจากอะไร เบื้องต้นทราบเพียงว่าเรียกค่าไถ่เป็นสกุลเงินบิตคอยน์ เพื่อป้องกันการตรวจสอบว่าใครเป็นผู้กระทำ อนุทิน ย้ำว่า ผู้บริหารโรงพยาบาลทั่วประเทศมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ และไม่จำเป็นต้องให้นโยบาย เพราะเป็นเรื่องของการปฏิบัติอยู่แล้ว
ด้าน นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เพิ่มเติมว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของความพยายามในการแฮกข้อมูล ทราบเพียงว่า เป็นตัวไวรัสที่จะไม่ให้บุคลากรเข้าถึงข้อมูลของผู้รักษา โดยเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงวันที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่ขอยืนยันว่า การบริการของประชาชนยังทำได้เหมือนเดิม เพียงแต่จะล่าช้าเนื่องจากได้กลับมาใช้ในระบบจดบันทึกด้วยมือแทนดิจิทัล ส่วนการวางระบบป้องกันเป็นเรื่องของภาพใหญ่ของกระทรวง ขณะนี้ในแต่ละโรงพยาบาลจะมีระบบป้องกันสำรองข้อมูลที่ไม่เชื่อมโยงระบบออนไลน์และไม่จำเป็นต้องยกเครื่องระบบใหม่ทั้งหมด
นพ.สุระ ยังระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้จ่ายเงินเรียกค่าไถ่ดังกล่าวแต่กำลังดำเนินการเก็บกู้ระบบอยู่ โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นกระทรวงหลักที่เข้ามาช่วยดูกรณีดังกล่าวด้วย ทั้งนี้เวลา 14.00 น. จะมีการแถลงร่วมกับ นพ.อนันต์ กนกศิลป์ ผู้อำนวยการ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ณ.ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง