สุภัทรภณ กสิกรรม หรือ เดียร์ หนุ่มหน้าใสวัย 31 ปี กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง จากการเข้าแข่งขันรายการแดร็กเรซ ไทยแลนด์ ซีซั่น 2 (Drag Race Thailand) เรียลลิตีประกวดหากลุ่มคนที่กายเป็นชาย แต่มีความสามารถแต่งตัวเป็นผู้หญิงได้อย่างสวยงาม
เบื้องหน้าที่ทุกคนรู้จัก เขาเป็นหนุ่มมากความสามารถ โดดเด่นเรื่องการร้องเพลง และเอ็นเตอร์เทนผู้ชม ภายใต้การเป็นแดร็กควีน นาม ‘เดียริส ดอลล์’ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ใครจะรู้ว่าเขาเป็นเกษตรกรตัวจริง รับผิดชอบหน้าที่ดูแลกิจการบ่อกุ้งของผู้เป็นพ่อ
เดียร์เติบโตในครอบครัวของเกษตรกรบ่อกุ้ง คลุกคลีอยู่กับไร่นามาตั้งแต่เกิด สอดคล้องกับนามสกุล ‘กสิกรรม’
“อาชีพกสิกรรมคือรากเหง้าตั้งแต่ต้นตระกูล เริ่มจากการทำนาข้าว แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นสวนองุ่น จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นเลี้ยงปลา และกลายมาเป็นเลี้ยงกุ้งเหมือนปัจจุบัน ตั้งแต่เกิดมาก็คลุกคลีอยู่กับบ่อกุ้ง บ่อปลา เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่อาชีพ แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต”
ชายวัย 31 ปี เล่าว่า หากวันไหนไม่ต้องไปโชว์การแสดง ก็จะทำงานในบ่อกุ้งทั้งวัน เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าดูพัฒนาการและสำรวจความเคลื่อนไหวของกุ้ง หากพบความผิดปกติจะได้แก้ไขหรือปรับปรุงได้ทันท่วงที
“มีกุ้งลอยเหนือน้ำไหม มีกุ้งลอกคราบไหม แม้กระทั่งคอยดูรอบๆ บ่อว่ามีรอยเท้า หรือใครแอบย่องมาที่บ่อตอนกลางคืนไหม”
ชายหนุ่มบอกว่าสิ่งสำคัญของอาชีพเกษตรกรเลี้ยงกุ้งคือ วินัย สอง ความเป็นช่างสังเกต สาม ความใส่ใจ คอยประคบประหงมดูแลอย่างเต็มที่ เพราะหากปล่อยให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นและลามปาม สามารถเสียหายได้ทั้งบ่อ
“ทุกวันคือการเรียนรู้ ทั้งจากประสบการณ์และความรู้ที่พ่อถ่ายทอดให้เสมอครับ”
ภายหลังกลับมาจากการเรียนและทำงานในต่างประเทศ คุณแม่แนะนำให้เดียร์ไปประกวดร้องเพลง และล่ารางวัลเรื่อยมา จนได้มีโอกาสรู้จักกับวงการก็อปปี้โชว์และพัฒนาฝีมือในฐานะนักร้อง นักแสดง โดยเฉพาะการได้แต่งตัวเลียนแบบ ‘มัม ลาโคนิค’ ศิลปินชื่อดัง
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยแต่งหญิงมาก่อน แต่หลังจากแสดงเป็นพี่มัมแล้ว ผลตอบรับดีมากกว่าการแต่งชายร้องเพลง จนผมเริ่มรู้สึกว่า หรือฉันจะแต่งหญิงร้องเพลงดี ?”
เดียร์ตัดสินใจเริ่มแต่งหญิงร้องเพลงเรื่อยมา และมีผู้ชื่นชอบมากขึ้น จาก มัม ลาโคนิค เปลี่ยนเป็น หญิง ลี, จ๊ะ คันหู, ใบเตย อาร์สยาม จนกระทั่งวันหนึ่งรู้สึกอยากเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ไม่อยากให้ใครเรียกว่า มัม 2 หรือ ใบเตย 2 แต่อยากแจ้งเกิดในฐานะ เดียร์ ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง
เขาหยุดงานแสดงก็อปปี้โชว์ไว้ชั่วคราวเป็นเวลา 2 ปี เริ่มค้นหาตัวตน ฝึกแต่งหน้า ทำผม โดยศึกษาผ่านคลิปวิดีโอของชาวต่างชาติ หาแนวทางการแต่งหน้าที่เหมาะสมกับตัวเอง ก่อนตัดสินใจเข้าสมัครร่วมรายการ Drag Race Thailand ภายใต้ลิขสิทธิ์ของค่ายกันตนา ผ่านการชักชวนของ ปันปัน นาคประเสริฐ หรือ ปันใจน่า ฮีลส์ โคโฮสต์แห่งรายการแดร็กเรซไทยแลนด์ และสร้างชื่อในที่สุด
เดียร์ หรือ ในวงการ Drag Race เรียกว่า เดียริส ดอลล์ บอกว่า การร้องเพลงลิปซิงค์และแสดงโชว์เป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขมาก รวมถึงยังเป็นความท้าทายที่จะทำให้คนดูสนุกไปกับความเว่อร์วัง และเป๊ะปังของโชว์
“ท้าทายมาก เพราะทุกครั้งที่เราออกไปหน้าเวที เราจะเจอคนใหม่ๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เคยเห็นโชว์มาหลากหลายแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ยอมตาย ทุกครั้งที่เราอยู่บนเวทีจะมีนางโชว์ที่เป็นผีร้ายต่างๆ เช่นเพื่อนเรา ที่จะร้ายกาจมาก เตรียมฆ่าเราได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นมันทำให้เรารู้สึกว่า แต่ละครั้งที่เราโชว์ เราต้องงัดอะไรที่จะไปสู้กับพวกผีร้ายพวกนี้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ดีกับเรา ในการที่จะพัฒนาความสามารถ ศักยภาพของเรา และมันทำให้เรารู้สึกว่า การลิปซิงค์โชว์มันไม่ใช่แค่ออกไปแล้วงับๆ ปาก แล้วก็เต้น แต่มันคือการทำอะไรก็ได้ให้คนที่มาดูสนุกไปกับเรา”
หน้าที่และความฝัน คือสิ่งที่เขาทำและรักษามันไว้ได้อย่างลงตัวในเวลาเดียวกัน โดยไม่ขาดตกบกพร่อง
เดียร์ เผยว่า ทุกคนล้วนประหลาดใจกับอาชีพเกษตรกรเลี้ยงกุ้ง และจำนวนมากเคยคิดว่ากุ้งที่พูดถึงคือ ‘กุ้งสวยงาม’ ไม่กี่สิบตัว ทั้งที่จริงๆ เลี้ยงเป็นแสนตัว ทั้งนี้แม้จะมีความแตกต่างระหว่างสองอาชีพนี้ค่อนข้างมาก ตั้งแต่การแต่งตัว แนวทางการทำงาน สภาพแวดล้อม แต่สิ่งสำคัญคือ ‘ความสุข’ ที่ได้ทำและได้รับ
“เลี้ยงกุ้งเป็นอาชีพที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด งานแสดงเป็นความฝัน เมื่อสองอย่างมันมาเจอกัน เราบาลานซ์ให้มันอยู่ในชีวิตของเราได้โดยไม่มีอะไรที่มันมากเกินไป ไม่มีอะไรน้อยเกินไป เราหาจุดตรงกลางได้ เราก็จะมีความสุขไปกับมัน”
ทุกวันนี้หากไม่มีงานแสดงโขว์ เดียร์ก็จะอยู่ดูแลบ่อกุ้ง ทาครีมกันแดดอุปกรณ์สำคัญในการดูแลตัวเอง รวมถึงโพกผ้า ใส่ถุงมือ เพื่อรักษาผิวพรรณ สำหรับการเป็นนักแสดงโชว์
“ถ้าให้เลือก ก็ไม่อยากเลือกเลย เพราะเรารักทั้งสองอย่างจริงๆ การเลี้ยงกุ้งคือรากเหง้าของเรา เราไม่สามารถทิ้งได้ เพราะที่เรามีกินมีใช้ทุกวันนี้ มีเงินเรียนหนังสือก็เพราะกุ้ง แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่าเกิดมาเพื่อมันจริงๆ เราชอบจริงๆ ก็คือการเป็นแดร็กควีน”
“รู้สึกภูมิใจเหมือนกันนะ ที่เราทำทั้งสองอย่างได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง เราทำตามความฝันที่อยากเป็นสตาร์ และเรายังคงทำหน้าที่ลูก ผู้สืบทอดอาชีพเลี้ยงกุ้งของครอบครัวได้ นี่คือหน้าที่และสิ่งที่เราได้รับมอบหมาย”
อนาคตเดียร์ริสไม่รู้ว่าแสดงโชว์อีกนานแค่ไหน แต่ตราบใดที่คนดูยังต้องการและเรียกร้องหา ‘เดียริส ดอลล์’ เธอบอกเสียงดังฟังชัดว่า “จะยืนอยู่บนเวที และแสดงให้คุณดูค่ะ”