วันที่ 29 ม.ค. ที่อาคารรัฐสภา จุลพงษ์ อยู่เกษ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร กล่าวแสดงความยินดีกับ ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ลงนามฟรีวีซ่าจีนสำเร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีวีซ่าอีก 1 ตัว คือเชงเก้น วีซ่า ของสหภาพยุโรป ที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดทุกครั้งที่พบกับผู้นำอียู รวมถึงนายกรัฐมนตรีเบลเยี่ยม และประธานาธิบดีเยอรมัน
จุลพงษ์ ยังแถลงว่า รัฐบาลไทยร้องขออียูให้ยกเว้นวีซ่าสำหรับคนไทย ซึ่งสร้างความหวัง ให้กับคนไทยที่จะเดินทางไปยุโรป ตนขอสนับสนุนนโยบายนี้ ที่จะสร้างอำนาจให้กับหนังสือเดินทางไทย เช่นเดียวกับมาเลเซียและสิงคโปร์ แต่ที่ตนทราบ เราทำหนังสือ ร้องขอไปตั้งแต่เดือน ต.ค. ปีที่แล้ว ไปถูกอียูปฏิเสธ กลับมาช่วงกลางเดือน พ.ย. โดยให้เหตุผลว่า จะไม่ทำตามคำร้องขอประเทศหนึ่งประเทศใด จะพิจารณาให้หลายประเทศในคราวเดียวกัน
ทั้งนี้ การพิจารณาครั้งหน้าจะเกิดขึ้นในปี 2568 พร้อมระบุถึงมาตรฐาน หลายข้อโดยเฉพาะ การเคารพหลักสิทธิมนุษยชนในประเทศนั้น ตนไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีได้รับรายงานที่ถูกปฏิเสธหรือไม่ แต่ที่ท่านย้ำบ่อยๆ นอกจากนี้ยังใช้คำกล่าวที่ว่า 'ขอร้อง' ให้ผู้นำอียูยกเว้นวีซ่าให้คนไทย ก็เห็นว่าไม่ควรใช้คำนี้ เพราะเรามีศักดิ์ศรี และเป็นมิตรกับทุกประเทศ แต่ควรหันกลับมาทำบ้านเราให้ดี ทำเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง แล้วคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ของประชาชน เจรจาบนศักดิ์ศรีอย่างเท่าเทียมกัน
ส่วนประเด็นเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จุลพงษ์ กล่าวว่า เคยเสนอให้ใส่ลงไปใน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 แต่ไม่ได้ใส่ และเนื่องจากเป็นพ.ร.บ.เงินกู้จึงอยากให้ใส่ไปในงบประมาณปี 2568 ด้วย พร้อมขอถามในฐานะตัวแทนของประชาชนว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเงียบหายไป กระบวนการถึงไหนแล้วเพราะรัฐบาลที่ โปร่งใสคือรัฐบาลรู้แค่ไหน ประชาชนควรรู้เท่านั้นด้วย