ไม่พบผลการค้นหา
'ปิยบุตร' โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึง 10 ข้อเสนอกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม ย้ำผลักไสให้กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นพวกล้มเจ้าไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา วอนทุกฝ่ายร่วมมือกันสร้างระบอบประชาธิปไตย รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์

ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงจดหมายเปิดผนึกของตัวเอง กรณีการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบของกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค. โดยระบุว่าหากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 คนไม่ทำให้ตนพ้นจากการเป็น ส.ส. ตนจะตั้งใจจะอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับกรณีการแสดงออกของนักศึกษาเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา เมื่อไม่มีโอกาสอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จึงขอใช้วิธีการเขียนเป็น “จดหมายเปิดผนึก” แทน

ตนใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งแต่ปี 2540 จบการศึกษาปริญญาตรีปี 2544 เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ประจำต่อ และลาไปศึกษาต่อต่างประเทศจนจบการศึกษาปริญญาเอก กลับมาสอนหนังสือจนถึง ส.ค. 2561 ก็ได้ลาออกจากราชการเพื่อมาก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. รวมใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 21 ปี มีโอกาสคลุกคลีกับนักศึกษามากกว่าทศวรรษ ทำให้ตนรู้จักกับพลังและความกระตือรือร้นของพวกเขาเป็นอย่างดี

ปิยบุตร ระบุถึงข้อเสนอ 10 ข้อเกี่ยวกับอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์จากการชุมนุม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 คือ ความจริง กลั่นกรองออกจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทยมาหลายทศวรรษ อาจเป็น “ความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจ” ของใครบางคน บางกลุ่ม แต่ถ้าพวกท่านพอจะซื่อสัตย์กับตนเองอยู่บ้าง ไม่โกหกตนเอง พวกท่านคงต้องยอมรับว่า ในช่วงชีวิตของพวกท่าน ท่านต่างก็เคยคิดถึงประเด็นปัญหาเหล่านี้กันทั้งนั้น

"พวกท่านอาจไม่สบายใจกับรูปแบบเวทีการชุมนุม การแสดงออกบางอย่างบนเวทีชุมนุม พวกท่านอาจโกรธกับท่าทีหรือน้ำเสียงของผู้ปราศรัย พวกท่านอาจตะขิดตะขวงใจว่าทำไมต้องพูดเรื่องเหล่านี้บนเวทีชุมนุม ทำไมไม่คุยกันหลังบ้าน หรืออย่างน้อยก็ในเวทีวิชาการ นั่นเป็นเพียงรูปแบบ ซึ่งอาจเห็นต่างกัน อาจแจ้งเตือนกัน อาจขอความร่วมมือกันในฐานะผู้ผ่านประสบการณ์มาก่อน แต่ไม่ควรนำมากลบข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่จริง และยิ่งไม่ควรบิดเบือนให้พวกเขากลายเป็นพวกล้มเจ้า หรือ ชังชาติ หรือ ถูกล้างสมอง"

ปิยบุตร ระบุว่าข้อเสนอทั้ง 10 ข้อของพวกเขา ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนรูปแบบของรัฐ ประเทศไทยยังคงเป็นราชอาณาจักร มีพระมหาษัตริย์เป็นประมุขของรัฐสืบทอดทางสายโลหิตเช่นเดิม ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อของพวกเขา ไม่มีตรงไหนที่กระทบถึงการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย ตรงกันข้าม ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อของพวกเขา คือ การนำสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าสำคัญอย่างยิ่งยวดขึ้นมาพูดคุยอย่างเปิดเผย จริงใจ ตรงไปตรงมา ทั้งหมดก็เพื่อธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย

"การผลักไสให้พวกเขาเป็นพวกล้มเจ้า ชังชาติก็ดี การใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อปิดปากพวกเขาก็ดี การประดิษฐ์สร้างให้พวกเขาเป็นวายร้ายหรือศัตรูของรัฐก็ดี ทั้งหมดนี้ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ รังแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม วิธีการเหล่านี้ ไม่สามารถตัดไฟแต่ต้นลมได้ แต่มันจะกลายเป็นชนวนจุดไฟให้ลามทุ่ง" ปิยบุตร ระบุ

ปิยบุตร ระบุว่า “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” มีพัฒนาการตามยุคสมัย บางช่วงบางเวลา สถาบันหนึ่งอาจมีอำนาจมากกว่าสถาบันหนึ่งบางช่วงบางเวลา เพดานสูง บางช่วงบางเวลา เพดานต่ำ นั่นก็เป็นพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ตามบริบท ข้อเท็จจริง ดังนั้น การพูดคุยถึงสถาบันต่างๆ ในรัฐธรรมนูญ เพื่อปรุงแต่งผสมผสานให้ออกเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงเป็นเรื่องปกติ ดังที่เราเคยพบเห็นการอภิปรายของ ส.ส.ในอดีต ดังที่เราเคยพบเห็นการจัดเสวนาทางวิชาการในอดีต

"มนุษย์เรา เมื่อถูกล่ามโซ่ตรวนไว้อยู่ในถ้ำมืดมิดเป็นเวลานาน ก็อาจคุ้นชิน จนเมื่อปลดโซ่ตรวนแล้วเดินออกจากถ้ำ ไปพบแสงสว่างเข้า ก็อาจทรมานเจ็บปวดตาอยู่บ้าง แต่หากยอมรับว่านี่คือความจริงแล้วอยู่กับมันให้ได้ ปรับเปลี่ยนตนเองให้สอดรับกับความจริง ก็จะกลับสู่ภาวะปกติ กาลเวลาหมุนเดินหน้ามาสู่ศตวรรษที่ 21 เราฝืนกฎธรรมชาติไม่ได้ สังคมก้าวรุดหน้าไปตามกาลสมัย การทวนเข็มนาฬิกาให้กลับไปที่เดิม สุดท้ายเข็มนาฬิกานั้นก็เดินหน้ากลับมาใหม่อยู่ดี ในห้วงยามหัวต่อหัวเลี้ยวเช่นนี้ มีแต่ประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่ในสังคมไทยอย่างทรงพระเกียรติยศ อย่างมั่นคงสถาพร เป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นมิ่งขวัญแก่อาณาประชาราษฎร์"

ปิยบุตร ระบุว่า ทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน และผู้อาวุโสที่ผ่านประสบการณ์มามาก ทั้งประชาชนหาเช้ากินค่ำ และเศรษฐีผู้มั่งมี ทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และนักการเมือง ทั้งนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ทั้งชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษนิยม และฝ่ายก้าวหน้า ทั้งหมดทุกคน เราต่างก็เป็นประชาชนคนไทยผู้อยู่อาศัยในผืนแผ่นดินนี้ด้วยกัน ต่อให้เราเห็นต่างกัน ไม่ชอบกัน เกลียดขี้หน้ากัน แต่เราก็หนีกันไม่พ้น อย่างไรเสีย เราก็เป็นเพื่อนร่วมชาติ และไม่มีใครรักชาติมากน้อยไปกว่ากัน ยังพอมีเวลาและโอกาส อย่าทำให้สถานการณ์เลื่อนไถลไปรุนแรงจนไม่มีใครควบคุมหรือคาดคิดได้ ร่วมมือกันทุกฝักฝ่ายเถอะครับ เพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตย และธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง