ก่อนที่พรรคฝ่ายค้าน จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลางเดือน ส.ค. นี้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ในฐานะฝ่ายค้านอิสระ ถือฤกษ์เริ่มเดินสายเข้าคุยกับบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อขอให้เปลี่ยนใจโหวตถอดถอนนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ พรรคประชาธรรมไทย เป็นพรรคเล็กพรรคแรกที่ มงคลกิตติ์ เข้ายื่น โดยมีหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย พิเชษฐ สถิรชวาล เป็นผู้รับหนังสือ
โดยมงคลกิตติ์ กล่าวให้เหตุผลถึงการเดินสายครั้งนี้ว่า เหมือนเป็นการแก้ตัวที่เคยยกมือโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ก็พิสูจน์แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ บริหารงานในลักษณะ Work from Home มีความล่าช้าในการแก้ปัญหา และการจัดหาวัคซีน จนทำให้การระบาดมีแนวโน้มสูง และเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น จึงมองว่าควรใช้ระบบสภาฯ ถอดถอนออกจากตำแหน่ง หลังจากนี้จะเข้าคุยกับทุกพรรค ตั้งเป้าหาให้ได้ 42 เสียง
ส่วนการเดินสายคุยกับ 10 พรรคเล็กนั้น จะสู้กับบารมีของคนในพรรคร่วมรัฐบาลที่ดูแลพรรคเล็กอยู่ได้หรือไม่ มงคลกิตติ์ มองว่า สถานการณ์ค่อนข้างเปลี่ยนแปลง และเชื่อว่าการติดสินใจของทุกพรรคการเมืองขึ้นอยู่กับความเดือดร้อนประชาชนเป็นหลัก
ด้านหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย พิเชษฐ ย้ำชัดว่า ที่ตนมาถึงวันนี้ได้เพราะมาจากเสียงของประชาชน เป็นความต้องการของประชาชน พร้อมมองว่าการที่จะเปลี่ยนหัวหน้ารัฐบาลนั้น ต้องเปลี่ยนในระบบรัฐสภา เพราะนายกรัฐมนตรีก็มาจากรัฐสภา และตนยังเชื่อว่ายังไม่มีระบบไหนที่ดีไปกว่าระบบประชาธิปไตย ส่วนการที่มีประชาชนออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกนั้น ก็คือประชาธิปไตยที่มาจากประชาชน
พิเชษฐ ยังระบุต่อว่า หลังรับหนังสือวันนี้แล้ว หลังจากนี้จะมีการคุยกันต่อไปในส่วนของกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคเล็กที่เหลือ เพราะส่วนตัวคงตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องมีหลายความคิดเห็น พิจารณาด้วยเหตุและผล แต่ยืนยันทุกเสียงจะโหวตไปในทิศทางเดียวกันแน่นอน พร้อมยืนยันว่าตน "ยืนข้างประชาชน" อะไรที่สามารถทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ตนก็พร้อมจะทำ
ถามถึงประเด็นที่เห็นว่ารัฐบาลมีปัญหาในขณะนี้ และต้องได้รับการแก้ไขโดยทันที หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย มองถึงประเด็นความบกพร่องเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนที่ค่อนข้างล่าช้า ส่งผลทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งที่ผ่านมาตนก็เคยให้ข้อเสนอแนะไปแก่รัฐบาล ว่าอย่ายึดติดเพียงวัคซีนที่มีอยู่ เช่น ซิโนแวค ,แอสตร้าเซนเนก้า เท่านั้น อยากให้จัดหาวัคซีนตัวเลือกที่มีคุณภาพชนิด mRNA เข้ามาบ้าง ประเด็นนี้รัฐบาลต้องชี้แจงกับประชาชน ส่วนที่บอกว่าจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน ตนมองว่าถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้
ถามต่อว่าที่ผ่านมามักจะมีตัวแทนจากพรรคหลักรัฐบาลมาเป็นตัวประสานปัญหาอยู่ตลอดๆ ครั้งนี้จะเป็นเช่นนั้นอีกหรือไม่ พิเชษฐ ระบุว่า มันอยู่ที่เหตุการณ์ซึ่งวันนี้กับวันก่อนไม่เหมือนกัน วันนี้มันเป็นเรื่องของชีวิตและความเดือดร้อนของประชาชน
อย่างไรก็ตาม พิเชษฐ ยืนยันว่า ตนเห็นด้วยหากจะใช้สภาฯ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่นการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี หรือให้นายกรัฐมนตรีลาออก แต่ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะจะทำให้การแก้ปัญหาหยุดชะงัก