เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 ที่ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์เหยียบกับระเบิด ระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ตามแนวชายแดน พื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี โดยทั้ง 3 นาย พร้อมทั้งญาติพี่น้อง ประกอบด้วย
(1) สิบเอก ปฏิพัทธิ์ ศรีลาศักดิ์
(2) พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน
(3) พลทหาร ณัฐวุฒิ ศรีเข้ม ปัจจุบันอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดจากคณะแพทย์ของโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งให้การรักษาอย่างเป็นมาตรฐานและทันท่วงที จนอาการของผู้บาดเจ็บทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
ทั้ง 3 คน มีขวัญและกำลังใจที่เข้มแข็งทุกคน สำหรับ พลทหารธนพัฒน์ฯ ที่เหยียบกับระเบิดทำให้ข้อเท้าซ้ายขาด กองทัพภาคที่ 2 ได้ดำเนินการขอ
- การปูนบำเหน็จเลื่อนชั้นเป็น "สิบเอก (ส.อ.)" หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ด้วยเหตุสูญเสียฯ จากการรบ
- ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวมเงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่างๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ)
- ได้รับเงินก้อน จากหน่วยงาน/องค์กรต่างๆ รวม 1,047,150 บาท (โดยประมาณ)
- บรรจุทายาททดแทน : พี่สาวได้ 1 คน
- ได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้น 2 ประเภท 1 พร้อมกันนี้ ยังได้รับบัตรทหารผ่านศึก ชั้น 3 (ลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทางตลอดชีวิต)
สำหรับรายละอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิด ปัจจุบันกองทัพบกได้ส่งหน่วยปฏิบัติการทุ่ระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (นปท.) เข้าในพื้นที่เกิดเหตุ เก็บหลักฐานนำมาวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่นำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ว่าเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่หรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ถือว่าเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญา Ottawa ว่าด้วยการห้ามใช้และเก็บสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เพราะไทยและกัมพูชา เป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาฯ ดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2542
ขอเน้นย้ำ หากเป็นทุ่นระเบิดที่มีการวางใหม่ ฝ่ายไทยจะไม่เพิกเฉย นอกจากนี้ หากพบว่ามีการล่วงล้ำอธิปไตย ทางเราจะมีการดำเนินการตอบโต้อย่างเหมาะสมอย่างแน่นอน
ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น ว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ฝ่ายไทยยึดมั่นในการใช้ข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นหลักการที่ผ่ายไทยยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด โดยข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ จะนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป