'พรรคเศรษฐกิจไทย' ยังคงสนับสนุนรัฐบาล ไม่ต้องห่วงเรื่อง “เสียงปริ่มน้ำ” ในสภาฯ พร้อมย้อนถามสื่อจะ “ฟังประธานวิปหรือฟังผม” หลัง ‘นิโรธ สุนทรเลขา’ ประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ห่วงเรื่องเสียงในสภาฯ
จึงเกิดคำถามขึ้นว่าทำไม พล.อ.ประวิตร จึงมั่นใจเช่นนั้น
เพราะว่ากันว่า พล.อ.ประวิตร ก็หวังใช้ “พรรคเศรษฐกิจไทย” เป็น “รังใหม่” ด้วย
ถึงมีชื่อ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พปชร. ติดโผไปเป็น “หัวหน้าพรรค” แถมมีชื่อ ‘บิ๊กป๊อด’พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายโดยสายเลือด ไปเป็น “ที่ปรึกษา”
ยังไม่พอแค่นี้ ยังมีชื่อ “เสี่ยโต-อภิชัย เตชะอุบล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ไปเป็น “เลขาธิการ” ด้วย ในฐานะนายทุนพรรค ที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมต่างๆ
ทั้งนี้มีกระแสข่าวว่าจะมีการ “ดูด” ส.ส.พลังประชารัฐ ที่เรียกว่า “ตัวเนื้อๆ” ของ พปชร. ไปอยู่พรรคใหม่ด้วย แน่นอนว่าจะทำให้ พปชร. ในอนาคตอาจเหลือแต่ “ซาก” เท่านั้น
จึงเกิดคำถามว่าจะมีโอกาสที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมจะมาเป็น หัวหน้า พปชร. เองหรือไม่ ซึ่งก็มีโอกาสเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยปอดประตูปฏิเสธ แต่ให้เป็นเรื่องของอนาคต เพราะมีการประเมินว่า หากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปตั้งพรรคใหม่ ก็เป็นเรื่องยากอีก และเกิดคำถามตามมาว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็น หัวหน้า พปชร. เอง เมื่อนั้นภายใน พปชร. จะเหลือแต่ “ซาก” หรือไม่
หากจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปซบ “พรรคสร้างอนาคตไทย” ของขั้ว “สี่กุมาร” ที่มี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นบิ๊กบอสพรรคตัวจริง ก็เป็นเรื่องยากไปอีก หลัง “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ลั่นกลางวันแถลงข่าวเปิดตัวพรรค ไม่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ปิดประตูไปแล้ว
ทว่าความเคลื่อนไหวฝั่ง พปชร. กลับมีความชัดเจนมากขึ้น ในการชูชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น นายกฯ ต่อไป หลัง “พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์” โฆษก พปชร. ออกมาให้ข่าวยืนยันชัดเจนในนามพรรค พร้อมย้ำถึงสัมพันธ์ “3ป.Forever” ยังคงแน่นเหนียว เป็นหนึ่งเดียวในทุกๆสถานการณ์ และไม่ใช่ “พรรคเฉพาะกิจ” แน่นอน
ในสภาวะที่ พปชร. ไร้เอกภาพ ที่คนใน พปชร. บางคนพูดด้วยซ้ำว่า “พรรคแตก” ไปแล้ว หาก พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาในอนาคตย่อม “เหนื่อย” แน่นอน
สิ่งเหล่านี้สะท้อนภาพ “สัมพันธ์ 3ป.” ไปในตัวด้วย แม้ทั้ง “2ป.ประยุทธ์-ประวิตร” จะยืนยันไม่มีขัดแย้ง ไม่มีทะเลาะกัน และพูดคุยกันทุกวันก็ตาม แต่ต้องยอมรับว่าสัมพันธ์ “2ป.” มี “ระยะห่าง” ต่อกัน หรือ “แคร์กัน” น้อยลง จึงเป็นอีกเหตุผลที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าไปพบ พล.อ.ประวิตร เพื่อพูดคุยบ่อยครั้งขึ้น รวมทั้งเคยเผยภาพ “3ป.” ในลักษณะกลมเกลียวออกมาให้สื่อ กลับยิ่งสร้างความผิดปกติมากขึ้น
ศึกระหว่าง “นายพล-ผู้กอง” นอกราชการ ยังคงดำเนินต่อไปแน่นอน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ พูดเป็นนัยหลังเปิดเพลงอย่ายอมแพ้ กลางวงประชุม ศบค.เศรษฐกิจ ที่ ทำเนียบฯ ว่า “ผมไม่มีแพ้ใครอยู่แล้ว” คำว่า ‘ใคร’ ในที่นี้จึงถูกตีความไปว่าคือ ‘ใคร’ กัน ซึ่งเชื่อได้ว่าไม่เกินความคาดหมายแน่นอน
ทั้งนี้มี “เสียงเตือน” ภายใน พปชร. เช่นกันด้วย ระวัง “ถูกขังคาพรรค” ต้องจับจังหวะทางลมให้ดี แต่ในขณะนี้ พล.อ.ประวิตร ยังคงทุ่มสรรพกำลังให้ พปชร. ยังคงลงพื้นที่หาเสียงช่วย “มาดามหลี-สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” ในศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 9 หลักสี่-จตุจักร แต่สิ่งที่น่าสนใจคือมีการปั้นม็อตโต้หาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายออกมาว่า “รักลุงตู่ ชอบลุงป้อม” ขึ้นมาด้วย
อย่างไรก็ตามงานนี้ ‘เรื่องเก่า’ ยังเคลียร์ไม่จบ ก็มี’เรื่องใหม่’เข้าอีก ภายหลังมีข่าวสะพัด พปชร. จะส่ง “มาดามอาย-อนุสรี ทับสุวรรณ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) หรือที่คุ้นในชื่อ “พรรคลุงกำนัน” ลงชิง “ผู้ว่าฯ กทม.” ในนาม พปชร. ทำให้เกิดคำถามว่า พล.อ.ประวิตร คิดอะไรอยู่
ทั้งนี้มีการมองไปในมุมว่ามี “ดีลทางการเมือง” หรือไม่
เพราะการส่งชื่อ “มาดามอาย” จะทำให้คะแนนสวิงไปยังพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทันที แต่อีกมุมก็เป็นเรื่องยากที่ พปชร. จะถอยให้ ปชป. เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ถอยให้กันในสนามเลือกตั้งซ่อมภาคใต้ 3 ครั้ง จ.นครศรีธรรมราช-ชุมพร-สงขลา มาแล้ว
หรือสุดท้ายคะแนนจะเทไปยัง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เพราะเคยมีข่าวตอนปี 2562 ทำนองว่า “ชัชชาติ” เคยไปเข้าพบ พล.อ.ประวิตร พูดคุยเกี่ยวกับ ผู้ว่าฯกทม. ซึ่งในขณะนั้น พล.อ.ประวิตร ก็ปฏิเสธกระแสข่าวทั้งหมดไปแล้ว แต่อีกด้านก็เกิดคำถามทำนองว่าชื่อ “อนุสรี” เป็น “เป้าหลอก” หรือไม่ด้วย
ทั้งนี้กระแสข่าวภายใน พปชร. ถูกแบ่งเป็นหลายทาง ซึ่งทางหนึ่งก็มองว่าชื่อ “อนุสรี” สะเด็ดน้ำแล้ว
แต่อีกทางก็มองว่ายังไม่สิ้นสุดขั้นตอน ทว่า “อนุสรี” ก็ยอมรับว่ามีผู้ใหญ่ พปชร. มาพูดคุยด้วย แต่ตนเองยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะมีรายงานว่าชื่อผ่านที่ประชุม ส.ส.กรุงเทพฯ พปชร. เคาะแล้ว จึงเหลือแค่ กก.บห.พรรค ที่มี พล.อ.ประวิตร นั่งหัวโต๊ะเท่านั้น จึงมีกระแสข่าวปูทางมาก่อนว่าเป็น “หญิงเก่ง” ก่อนปรากฏชื่อออกมานั่นเอง แม้แต่เรื่อง “พรรคใหม่” ก็แบ่งเป็น 2 สาย ที่ยืนยันชัดว่า พล.อ.ประวิตร ไปแน่นอน อีกกระแสก็ทำนองว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ไปและจะไปทำไม
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าสถานการณ์ทุกอย่างยัง “ไม่นิ่ง” ดังนั้นสิ่งที่ออกมาในเวลานี้ จึงเป็น “คลื่นใต้น้ำ” ที่แต่ขั้วภายใน พปชร. ปล่อยออกมา
งานนี้เรียกได้ว่า พปชร. ที่ ‘ลุง’ สร้างขึ้นมา สุดท้าย ‘ลุง’ ก็ทำลายได้เช่นกัน เข้าสำนวนที่ว่า “สนิมเนื้อใน” อีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง