ไม่พบผลการค้นหา
ผู้บัญชาการทหารอากาศ แจงเหตุเครื่องบินยังไปลงที่อู่ฮั่นไม่ได้ เพราะต้องรอการอนุมัติ ซึ่งจีนเข้มงวดความมั่นคง ไม่เกี่ยวเรื่องความสัมพันธ์ของผู้นำ ชี้นำมาเทียบกรณีอพยพคนไทยในกัมพูชาไม่ได้

กรณี น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพข่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นเหตุการณ์ที่ บิดา สมัยเป็นนายกฯ ได้สั่งการให้ทางการไทยเตรียมเครื่องบินไปรับคนไทยกลับบ้านอย่างเร่งด่วน หลังเกิดเหตุชาวกัมพูชาบุกเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา หรือ "ปฎิบัติโปเชนตง" จนถูกโยงมาถึงกรณีที่รัฐบาลปัจจุบันยังไม่สามารถส่งเครื่องบินไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ในขณะนี้

พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.) ชี้แจงว่า เครื่องบินทหารของไทย สามารถไปได้ทุกที่ แต่อยู่ที่ประเทศเจ้าบ้านจะมีความระมัดระวัง และอนุญาตให้เครื่องบินทหารของชาติอื่น เข้าไปลงในพื้นที่ได้หรือไม่

สำหรับแผนในการอพยพประชาชนกลับไทย ที่กองทัพอากาศได้วางไว้ สามารถที่จะส่งไปได้ แต่ต้องมีข้อตกลงว่าปลายทางยินดีอนุมัติให้เข้าไปได้หรือไม่ ซึ่งรอบๆบ้าน หรือต่างประเทศที่ไทยเคยส่งไป ก็ไปได้ทุกประเทศ ไม่มีข้อจำกัดใดทั้งสิ้น ทั้งนี้ หลังจากที่เครื่องบินลงไปจอดแล้ว ก็ต้องมีการเติมน้ำมัน การสตาร์ทเครื่องยนต์ มีการซ่อมบำรุงเป็นบางส่วน มีการถ่ายเทของเสียออกจากเครื่องบิน ซึ่งก็ต้องดูว่าประเทศปลายทางมีความพร้อมหรือไม่

โดยบางประเทศอาจไม่ยินดีที่จะให้เครื่องไปลง เพราะเขาไม่สามารถดูแลและบริการเราได้ ในส่วนของประเทศจีน ก็คงต้องรอให้มีการอนุมัติก่อน ซึ่งกองทัพอากาศก็ยังคงสแตนบายอยู่ ดังนั้น จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ และขึ้นอยู่กับเหตุผลของประเทศปลายทาง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เราจะคาดเดาได้ เพราะเป็นเรื่องเหตุผลภายใน

ส่วนเหตุการณ์ที่เครื่องยิน C-130 ของกองทัพอากาศ บินไปรับคนไทยในกัมพูชากลับประเทศ เมื่อปี 2546 นั้น ผบ.ทอ. ชี้แจงว่า เพราะได้รับอนุญาตให้เข้าจึงเข้าไปได้ แต่ในส่วนของประเทศจีน ค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องของความมั่นคง อีกทั้งมีหลายชาติที่ต้องการเข้าไปอพยพผู้คนเข้าออก ดังนั้นการกำหนดขอบเขตในการเข้าออก จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จีนต้องระมัดระวัง และกรณีที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความสัมพันธ์ของผู้นำ ยืนยันได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ก็เป็นมิตรภาพที่ดีเยี่ยมที่สุดประเทศหนึ่ง

อ่านเพิ่มเติม