ในช่วงสัปดาห์นี้สภาพอากาศในทวีปยุโรปถูกโจมตีด้วยคลื่นความร้อน (Heat wave) อีกครั้ง หลายพื้นที่ในยุโรปมีอุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 40 องศาเซลเซียส ส่งผลกระทบต่อแม่น้ำและน้ำในทะเลสาบหลายแห่งในยุโรปแห้งขอด รวมไปถึงการคมนาคมหลายสายต้องชะงักเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น
กรมอุตุนิยมวิทยาของฝรั่งเศสประกาศว่า เมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาอุณหภูมิในปารีสสูงสุดในประวัติการณ์โดยมีอุณภูมิ 42.6 องศาเซลเซียสและมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาฝรั่งเศสตรวจวัดอุณหภูมิสูงสุดภายในประเทศได้สูงถึง 46 องศาฯ ในทางตอนใต้ของประเทศในช่วงคลื่นความร้อนระลอกแรกแผ่เข้ามายังทั่วยุโรป ทั้งนี้ในปี 2003 คลื่นความร้อนได้คร่าชีวิตคนฝรั่งเศสไปมากกว่า 15,000 คน
ทางด้านสหราชอาณาจักร กรมอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษคาดว่าอุณหภูมิจะสูงถึง 39 องศาฯ ขณะที่การรถไฟของอังกฤษออกประกาศเตือนผู้โดยสารในการใช้บริการเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อรางรถไฟสายต่างๆ ซึ่งพื้นผิวรางอาจมีอุณหภูมิสูงถึง 60 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจะส่งผลต่อการเดินรถและมีความเสี่ยงรถไฟตกรางได้
(ผู้โดยสารในรถไฟสายหนึ่งในยุโรป ถึงกับถอดเสื้อเพราะอากาศร้อน)
ขณะที่รถไฟสายระหว่างประเทศเบลเยียมและลอนดอนนั้นเสียกลางทางต้องอพยพผู้โดยสารออกจากขบวนเนื่่องจากอากาศที่ร้อนจัด ทำให้รางรถไฟขยายตัว
(สภากาชาดอังกฤษออกมาเตือนประชาชนถึงการปฏิบัติตัวในช่วงฤดูร้อนนี้)
นอกจากนี้กรมอุตุนิยมวิทยาของอังกฤษกล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นตัวเร่งให้คลื่นความร้อนทวีความรุนแรงไปทั่วยุโรป"
ขณะที่ในเนเธอร์แลนด์คลื่นความร้อนได้ส่งผลให้หมูตายหลายร้อยตัวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ทางตอนเหนือของประเทศเยอรมนี น้ำในแม่น้ำและทะเลสาบต่างแห้งลง สร้างผลกระทบต่อปลาและหอยที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำต่างๆ เป็นจำนวนมาก
ที่มา the guardian / BBC /CNN
ข่าวที่เกี่ยวข้อง