นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศเดินหน้าปฏิรูปประเทศ 5 เรื่องเร่งด่วนที่จะดำเนินการให้เห็นผลภายใน 8 เดือนก่อนการเลือกตั้ง คือ 1. การปฏิรูประบบราชการและการอำนวยความสะดวก 2. การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน 3. การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน 4. การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน 5. การลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม โดยระบุใจความว่า ไม่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะปฏิรูปการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน เนืื่องจากอยู่มาสี่ปี ไม่เห็นขยับเรื่องปฏิรูปจริงจัง โดยยกตัวอย่างสาเหตุที่ไม่สนใจขยับเรื่องปฏิรูปจริงจัง 3 ข้อ
1. ระบบที่เป็นอยู่ เอื้ออำนวยต่อฐานอำนาจของรัฐบาล คสช.
2. เป็นระบบที่สามารถแทรกแซงได้ และขณะนี้ดูเหมือน คสช. ได้คืบหน้าในการกุมอำนาจรุกล้ำเข้าไปเรื่อยๆ และ
3.เป็นระบบที่สะดวกในการสนับสนุนรัฐบาล คสช. แม้ในเรื่องนโยบายที่ถูกวิจารณ์ว่าเอื้อนายทุน หรือไม่ตรงไปตรงมา
นายธีระชัย ระบุว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่อาศัยเงินทำงานในการเลือกตั้ง ที่จำเป็นต้องหาเงินทอนเพื่อถอนทุนนั้น ย่อมทำเรื่องที่ไม่ตรงไปตรงมาสารพัด ดังนั้นย่อมไม่สนใจเรื่องปฏิรูปปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันด้วยเหตุผลสามข้อที่กล่าวถึงข้างต้น แต่การปฏิวัติทำให้เกิดโอกาสที่จะปฏิรูปปราบทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจังได้
ทั้งนี้ หากรัฐบาล คสช. เน้นนโยบายเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ถ้าไม่มีระเบียบวาระซ่อนเร้น ที่เรียกว่า Hidden agenda ป่านนี้การปฏิรูปก็ย่อมจะมีความคืบหน้าไปแล้ว แต่ที่ไม่คืบหน้านั้น เป็นเพราะรัฐบาล คสช. มองไปข้างหน้า เป็นห่วงห้วงเวลาหลังเลือกตั้งมากเกินไป กลัวว่าอำนาจจะกลับไปอยู่ในมือนักการเมือง กลัวว่าจะถูกเช็กบิล กลัวว่าปฏิวัติครั้งนี้จะ 'เสียของ' เหมือนครั้งก่อน
จึงเป็นโชคร้ายของการเมืองไทย แทนที่รัฐบาล คสช. จะทำนโยบายที่ประชาชนจับต้องได้ ที่เด่นชัดกว่าของนักการเมือง ที่เป็นนโยบายอันสร้างประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง และเป็นมรดกตกทอดที่งดงามจาก คสช. ให้แก่ชนรุ่นหลัง แทนที่จะทำนโยบายที่ดี คสช. กลับเน้นการเมืองแบบเดิมๆ ที่อาศัยเงินทำงาน ที่อาศัยการดูด สส. ที่อาศัยบารมีส่วนบุคคลของเจ้าพ่อท้องถิ่น
เมื่อใช้โมเดลการเมืองแบบเดิมๆ คสช. ก็ไม่มีทางเลือก ต้องเน้นนโยบายที่ปรนเปรอนายทุนระดับชาตินายทุนและคนรวย ที่สามารถสนับสนุนในการเลือกตั้ง จึงได้รับการปรนเปรอด้วยมาตรการและอภิมหาโครงการ ซึ่งในกระบวนอภิมหาโครงการ ที่สามารถดลบันดาลผลประโยชน์ได้มากที่สุด คือสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
รัฐบาล คสช. ยกร่างกฎหมายแบบลี้ลับ ตัดเรื่องบรรษัทพลังงานแห่งชาติออกไป เพื่อมิให้กระทบโต้โผรายใหญ่ ที่ผูกขาดธุรกิจก๊าซอยู่ในขณะนี้ และเมื่อตัดเรื่องบรรษัทพลังงานแห่งชาติออกไป การทำงานก็เลยบิดเบี้ยวแตกต่างไปจากสากล ถูกกฎหมายบ้าง ผิดกฎหมายบ้าง
ส่วนเรื่องท่อก๊าซที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เคยลงมติไว้แล้ว ก็มีการพลิก เกิดการล่าช้า ทำอย่างลี้ลับสุดกู่
อีกอภิมหาโครงการ ที่กินเมืองได้ยาวไปชั่วลูกชั่วหลาน คือโครงการที่มักกะสัน 150 ไร่ ที่เอาไปแปะผูกเงื่อนตายเอาไว้กับรถไฟความเร็วสูง ปิดประตูนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง ที่ไม่มีกำลังจับมือกับบริษัทรถไฟต่างชาติ
นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานรายหนึ่ง ที่มีการใช้ทรัพยสิทธิของรัฐอยู่ขณะนี้ จะเข้าร่วมประมูลที่มักกะสันด้วย อันจะเป็นการเอาทรัพยากรที่ได้จากรัฐ ไปขยายขอบเขต ไปทำธุรกิจหากำไรแข่งกับประชาชน ที่นอกเหนือวัตถุประสงค์ในการตั้งรัฐวิสาหกิจดังกล่าว โดยรัฐบาล คสช. ไม่สะทกสะท้านและยังมีโครงการให้สิทธิต่างชาติเช่าที่ดินใน อีอีซี 99 ปี เหมือนที่อังกฤษบังคับเอาจากจีน ที่ช่วยให้ราคาที่ดินบูมหนัก นายทุนระดับใหญ่น้อยที่ดักกว้านซื้อที่ดินเอาไว้ก่อน ต่างยิ้มแก้มปริ
และอีกหนึ่งอภิมหาโครงการ คือการตั้งซูเปอร์โฮลดิ้ง ที่สามารถแปรรูปรัฐวิสาหกิจได้อย่างซ่อนรูป ด้วยการล้วงไส้ทรัพย์สินที่ดีออกไป แต่เนื่องจากถูกภาคเอกชนและสหภาพต่อต้าน ทำให้กฎหมายสะดุด จึงเดินหน้าล้วงเอาทรัพย์สินหลักออกไปจาก TOT และ CAT ไปพลางก่อน
ส่วนองค์กรอิสระนั้น ไม่ว่า ป.ป.ช. หรือ สตง. มาวันนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างหนัก โดยเปลี่ยนจากเสือไปเป็นแมว เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ภาคประชาชนร้องเรียนไปหลายเรื่อง ก็ยังเงียบเป็นป่าช้า และดูเหมือนกำลังจะคืบคลานเข้าไปคุมผู้ตรวจการแผ่นดินอีกรายการหนึ่ง
นายธีระชัย ให้เหตุผลด้วยว่า การที่นายกรัฐมนตรี ออกมาประกาศจะปฏิรูปให้เห็นผลก่อนการเลือกตั้งนั้น เป้นเพราะถูกกดดันจากการเลือกตั้ง และคงจะเห็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ ที่ชูนโยบายแบบที่โดนใจคนรุ่นใหม่ ทำให้ตัดสินใจ จะต้องแก้ลำสร้างภาพพจน์ให้แก่ตัวเองก่อนเลือกตั้ง
แต่ผมเห็นว่ามันเข้าข่าย 'สวยเมื่อสาย' น่ะครับ ... เพราะอยู่มาสี่ปี เพิ่งจะมาตื่นจากหลับไหล ใครจะเชื่อท่านครับ? แถมจนป่านนี้ ท่านนายกยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เกี่ยวกับเรื่องนาฬิกา ที่ผ่านมาเกือบครบ 150 วันแล้ว เมื่อประชาชนไม่เห็นความจริงใจ ย่อมยากที่ประชาชนจะไว้วางใจ
'จาตุรนต์' ซัด 'ประยุทธ์' ปฏิรูปเหลวทุกด้าน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงการทำงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศว่า พร้อมให้การสนับสนุนเพื่อความสำเร็จ โดยเฉพาะ 5 เรื่อง ประกอบไปด้วย1.การปฏิรูประบบราชการและการอำนวยความสะดวก 2.การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน 3.การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน 4.การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน 5.การลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม ที่จะดำเนินการให้เห็นผลภายใน 8 เดือนก่อนการเลือกตั้ง
โดยนายจาตุรนต์ เห็นว่า "ถ้าพล.อ.ประยุทธ์สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ คงทำมานานแล้ว" ซึ่งที่ผ่านมาตลอด 4 ปี มีการปฏิรูปอะไรไปบ้าง ขณะที่ข้าราชการต้องทำงานด้วยความหวาดกลัว เพราะการใช้อำนาจตามอำเภอใจของหัวคสช. นอกจากนี้การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องที่รัฐบาลคสช.ล้มเหลวมากที่สุด ส่วนการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น น่าจะอยู่ในจุดต่ำสุดเพราะระบบและองค์กรที่เกี่ยวกับการปราบคอร์รัปชันได้ถูกทำลายไปแล้ว รวมถึงการเอื้อผลประโยชน์กลุ่มทุนใหญ่และการมีส่วนร่วมของประชาชนแทบไม่มีเลย
"รัฐบาลนี้โอ้อวดอยู่แต่ตัวเลขในภาพรวม ซึ่งก็ไม่ได้ดีอะไรนัก แต่ที่ไม่ได้ให้ความสนใจมาตลอด ก็คือ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะปัญหาปากท้อง" จาตุรนต์ ระบุ
นายจาตุรนต์ ระบุทิ้งท้ายว่า การที่หัวหน้าคสช.และเป็นนายกฯอยู่ด้วย ประกาศจะทำใน 5 ข้อ จึงเป็นสิ่งที่สวนทางกับสิ่งที่คสช.กับพวกได้ทำมาตลอดเกือบ 4 ปีมานี้ และไม่ต้องสงสัยเลยว่า จะเป็นการกระทำตรงข้ามกับสิ่งที่จะทำจริงๆในห้วงเวลาจากนี้เป็นต้นไปอย่างแน่นอน