นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส. โคราช พรรคพลังประชาชน ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มสามมิตร ร่วมประชุมหารือกับสมาชิกเรื่องการดำเนินกิจกรมในรอบสัปดาห์ที่ศูนย์ประสานงานกลุ่มสามมิตร อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา จากนั้นเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าการเมืองในช่วงนี้ถนนทุกสายมุ่งมาที่กลุ่มสามมิตร
ทั้งนี้ นายภิรมณ์ ระบุว่าจุดเด่นของกลุ่มสามมิตรคือ กลุ่มนี้ประกอบด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ , นายสมศักดิ์ เทพสุทิน , นายอนุชา นาคาศัย และพวกตนที่ร่วมกันในการแสวงหาจุดร่วม
"เมื่อตกผลึกก็เริ่มเดินสายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแล้วเชิญทุกฝ่ายมาร่วมกันเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ประเทศชาติได้ประโยชน์ ซึ่งก็ได้ไปถึงอดีต ส.ส. , ส.ว. และอดีตผู้สมัครแล้วแตกความคิดออกไปถึงการรับปัญหาความต้องการของพี่น้อง นปช. เมื่อได้ นปช.ที่ยอมแลกเปลี่ยนกับพวกเราแล้ว แต่ไม่ได้หมายถึงว่ามาสมัครลง ส.ส.กับพวกเรา เพราะพวกเรายังไม่มีพรรค แต่ว่ามีจุดร่วมด้วยกันว่านับหนึ่ง-ห้าคืออะไร"
นายภิรมณ์กล่าวด้วยว่าส่วนสมาชิก กปปส. อย่างเช่นนายสิระ เจนจาคะ อดีตเลขานุการพุทธอิสระที่อยู่บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะก็เห็นด้วยกับแนวทางของสามมิตร
"ฉะนั้นข้อดีของกลุ่มสามมิตรคือ ให้เกียรติ ให้โอกาสทุกกลุ่ม ทุกสี ทุกระดับเพื่อที่จะมาหาจุดร่วมเพื่อให้ประโยชน์กับประเทศชาติ ฉะนั้นจึงมีคนมาร่วมทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ"
ทั้งนี้ นายภิรมณ์กล่าวด้วยว่าชื่อชั้นของหัวหน้ากลุ่มทั้งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสมศักดิ์ เทกสุทิน หรือแม้กระทั่งหลายๆ คนที่มาเป็นแกนก่อตั้งคำว่าสามมิตรเป็นกลุ่มครนที่ไปไหนก็ได้กระแสตอบรับ
"เพราะเราไม่ด่าใคร ไม่พูดถึงเรื่องอดีต พูดแต่อนาคตว่าเราจะทำอะไร ฉะนั้นบางคนอาจจะสงสัยว่าสามมิตรจริงๆแล้วคืออะไร คำว่าสามมิตรคือ คนจน คนรวย แล้วก็รัฐบาล ถ้ามี 3 ส่วนมาประกอบกันแล้วมีจุดร่วมร่วมกันนั่นคือ เป้าหมายทิศทางที่เราจะทำให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้ามันน่าจะลงตัวกันได้ นี่คือคำว่า สามมิตร"
ต่อคำถามถึงกรณีอดีตแกนนำ นปช. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ที่ยอมขอถอนคำสาบานต่อย่าโมมาร่วมกับสามมิตรนั้น นายภิรมย์ตอบว่ากลุ่มสามมิตรอ้างอิงถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีซึ่งเริ่มสร้างความหวังกับประชาชนว่า เขาจะได้รับการดูแลเรื่องปาก ท้อง เรื่องอาชีพ เรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร ดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงแก่หรือตาย ประชาชนมีความหวังกับรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งสามมิตรก็เป็นสื่อกับปัญหาต่างๆ ของประชาชนไปถึงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์
"บางเรื่องพลเอกประยุทธ์ ทำมาล่วงหน้าพวกเราแล้ว บางเรื่องที่เรานำเสนอกำลังจะตกผลึกร่วมกันว่า จะนำเสนอรัฐบาลเป็นครั้งๆไปกับข้อกำหนดเวลาที่มีอยู่ ส่วนมีการมองว่ากลุ่มสามมิตรและพลังประชารัฐเป็นนอมินีในคราบของทหารนั้น ก็ไม่เคยเห็นทหารมาอยู่กับกลุ่มสามมิตร มีเพียงว่าที่พันตรีสรชาติ สุวรณภูมิ อดีต สส.จากจ.หนองบัวลำภู ที่มีชื่ออยากอยู่กับพวกเราสามมิตร แต่นายพล พันเอกหรือจ่าสิบเอกต่างๆ ยังไม่เห็นเสนออยากมาอยู่กับพวกเราเลยแม้แต่คนเดียว"
ส่วนกรณีที่กลุ่มสามมิตรถูกโจมตีว่าใช้เงินดูดอดีตนักการเมืองเข้าร่วมกับกลุ่มสามมิตรนั้น นายภิรมรณ์กล่าวยืนยันว่าถ้ามีเงินไปดูดหัวละ 50 ล้านบาท ก็คงดูดหมดพรรคแล้ว แต่ต้องเข้าใจว่าอดีต สส.และ อดีต สว.ไม่คาดหวังว่าจะต้องเอาเงินเป็นตัวตั้ง
เขาอยากเป็นผู้แทนราษฏรเป็นผู้แทนของประชาชนของคนสองแสนคน เขาจะมาขายชีวิต ขายเกียรติขายศักดิ์ศรีเขาทำไม ฉะนั้นอย่าคิดว่าจะเอาเงินไปซื้อ ไปดูด ถ้าเราไม่มีของดีก็คือนโยบายยุทธศาสตร์ที่ดีที่ประชาชนในเขตของเขาจะได้ประโยชน์จากนี้ไปจนถึงจะเลือกตั้งเขาไม่มาหรอก
นายภิรมย์ย้ำว่า จุดเด่นของสามมิตรคือ 1.เรื่องปรองดอง และ 2.เข้าใจปัญหาพี่น้องประชาชน เช่นกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตรได้แลกเปลี่ยนกับกลุ่มสมาคมชาวนาแห่งประเทศไทยแก้ปัญหาข้าวนาปรังเดินทางไป จ.นครสวรรค์,จ.สุโขทัย,จ.พิษณุโลกพบว่าชาวนาต้องการแบบนี้ ในสัปดาห์นายสมศักดิ์ฯแกนนำสามมิตรรับปัญหาชาวไร่ยาสูบ 50,000 ครอบครัวเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิตผลกระทบบุหรี่นอกกับไทยราคาเท่ากัน
นายภิรมย์ฯกล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าพรรคชาติพัฒนาโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ จะนำสมาชิกพรรคเข้าร่วมกับกลุ่มสามมิตรในเร็วๆ นี้นั้นตนไม่รู้ว่านายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ คิดอย่างไรว่าจะมาร่วมกับสามมิตรหรือพลังประชารัฐหรือไม่ แต่วันนี้ตนอยู่โคราชมาตลอด เห็นว่านายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ พัฒนาเมืองโคราชเจริญขนาดนี้ เพราะโคราชชาติพัฒนา แต่ว่าถ้านายสุวัจน์ฯ จะมาแลกเปลี่ยนหรือมีส่วนร่วมกับกลุ่มสามมิตรก็ยิ่งจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนชาวโคราชอีกครั้งหนึ่ง ถือเป็นนิมิตรหมายในทางที่ดีและพร้อมต้อนรับด้วยความยินดียิ่ง
"อย่าว่าแต่นายสุวัจน์ฯเลย แม้แต่ทุกคนในโคราชหรือในประเทศไทยถ้าคิดที่จะพัฒนาประเทศชาติหรือปรองดองหรือร่วมกันทำงานให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ เรายินดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ซึ่งเป็นไอดอลของคนโคราช เป็นทั้งคนรุ่นเก่ารุ่นใหม่คือเขาเป็นตัวอย่างของพี่น้องชาวโคราช ตนคิดว่าเมื่อถึงตอนนั้นอาจจะเรียกว่า สามมิตร-ชาติพัฒนาก็เป็นไปได้ เนื่องจากนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ได้ทำความดีให้กับพี่น้องชาวโคราชมาตลอดถือเป็นข่าวดีอย่างมาก"
ส่วนกลุ่ม 'สามมิตร' จะไป 'แลกเปลี่ยน' กับกลุ่มไหนอีกนั้น นายภิรมณ์กล่าวว่าสามมิตรจะไปเรื่อยๆ ตามที่เวลาที่เหลืออยู่เช่นไปภาคใต้ ภาคเหนือ กรุงเทพฯ ที่มีโอกาสเปิดให้ได้ไปแลกเปลี่ยนก็จะไป
"ตอนนี้ผู้ที่มาร่วมกับเรา ณ วันนี้ตัวเลขที่ว่า 200 คน อาจจะยังไม่นิ่ง อาจจะลดลงวันนี้ พรุ่งนี้อาจจะเพิ่ม แต่ว่าทางบวกที่เห็นทั้ง นปช. , กปปส. หรือพรรคอื่นที่เสนอติดต่อมาผ่านกลุ่มสามมิตรมีทุกวัน บางคนอาจจะเปิดตัวได้ บางคนอยู่ขั้นตอนตกลงกันว่าจะเดินจะช่วยกันในลักษณะไหน บางคนติดมารยาททางการเมืองอยู่ พูดไปจะเสียหายสถาบันเขา"
ทั้งนี้นายภิรมณ์กล่าวว่าทุกวันนี้มีหลายกลุ่มมาติดต่อมาถึงสามมิตร ส่วนนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อาจจะเชิญนายจตุพร พรหมพันธุ์ มาร่วมด้วยนั้นก็ไม่ปิดกั้น และไม่เพียงแต่นายจตุพร ต่อให้เป็นนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ หมอเหวง โตจิราการ หรืออาจารย์ธิดา ถาวรเศรษฐ์ มาร่วมก็ยิ่งดี หรือ "ลูกพี่เก่า" เช่นนายอดิศร เพียงเกษ ซึ่งเป็นคนที่พาตนเข้าสู่การเมือง สมัยพรรคความหวังใหม่ เขาก็ยินดีและอยากได้นายอดิศรมาอยู่กับกลุ่มสามมิตรเช่นกัน เพราะนายอดิศรเป็นไอดอลของนักการเมืองอีสาน
นายภิรมณ์ยังฝากผ่านผู้สื่อข่าวว่าอยากเชิญนายอดิศรฯมาอยู่กลุ่มสามมิตรด้วยกัน หรือมาแค่แลกเปลี่ยนก็ถือว่าเป็นบุญอย่างสูงแล้ว
ส่วนกรณีทางโฆษก คสช.ออกมาเตือนทางการเมืองและจับตากลุ่มสามมิตรจะทำผิดกฏหมายนั้น นายภิรมย์ตอบว่า แค่นี้คงไม่มีกฎหมายอะไรที่จะมาเอาผิดกับคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติเพราะกลุ่มสามมิตรเดินทางไหน ก็แสวงหาความปรองดอง ไม่ไปทะเลาะกับใคร ไปคุยกับทุกคนทุกกลุ่มแล้วหาจุดร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์ประเทศ ทหารคงไม่จับพวกตนหรอก ส่วนสามมิตรจะพบกับ นปช.ทั่วประเทศที่เมืองทองธานี ทาง คสช.อนุญาตหรือยังนั้น ตนคิดว่าตรงนี้อยู่ที่หัวหน้ากลุ่มสามมิตรดำเนินการรอฟังข่าวจากนายสุริยะ หรือนายสมศักดิ์ ว่าจะกำหนดพบกับนปช.ทั่วประเทศได้เมื่อไหร่