นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตัวเลขการยืนยันสมาชิกพรรคจนถึงวันสุดท้ายคือ 30 เมษายน คิดเป็นร้อยละ 8–10 ของยอดสมาชิกเดิมที่มีจำนวน 134,822 คน ไม่ผิดจากที่คาดการณ์ไว้ เพราะประเมินแล้วว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองจะเป็นอุปสรรคต่อการยืนยันสมาชิกพรรค
ส่วน อดีต ส.ส. เข้ามายืนยันสมาชิกพรรคเกือบทั้งหมด โดยวันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ก็ได้เข้ามายืนยันสมาชิกกับทางพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัวถึงการทำงานร่วมกับพรรคในอนาคตว่าจะวางตัวเป็นแกนนำคนสำคัญของพรรคในการสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ต้องพูดคุยกันก่อนว่าภารกิจจะกระทบกับตัวของนายชัชชาติ หรือไม่ แต่ยอมรับว่านายชัชชาติ ถือเป็นบุคลากรคนสำคัญ ทั้งปัจจุบันและอนาคต
ขณะที่ ตระกูลสะสมทรัพย์ ไม่ได้ยืนยันสมาชิกพรรค แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้รู้สึกกังวลใดๆ และเชื่อว่าถ้าการเมืองมีความชัดเจนแล้ว สมาชิกทุกคนจะยืนยันสมาชิกพรรคในท้ายที่สุด
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ิ เปิดเผยยอดสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หลังสิ้นสุดการยืนยันสมาชิกพรรควันสุดท้ายตามคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 ขณะนี้มีสมาชิกมายืนยันประมาณ 80,000 คนทั่วประเทศ จากจำนวนสมาชิกเดิม 2.5 ล้านคน ซึ่งไปตามที่คาดการณ์ไว้
โดยปัญหาอุปสรรค์ที่ทำให้สมาชิกมายืนยันจำนวนน้อย คือ 1.ปัญหาจากข้อห้ามจัดกิจกรรมทางการเมือง และห้ามการประชาสัมพันธ์ถึงสมาชิกพรรค ให้ใช้วิธีสื่อสารอย่างเดียว 2.สมาชิกส่วนมากไม่ประสงค์ที่จะจ่ายค่าบำรุงสมาชิกพรรค เพราะเขาไม่เคยต้องจ่ายมาก่อน และที่ผ่านมาไม่มีการบังคับในเมื่อสมาชิกให้การสนับสนุนพรรคด้วยวิธีการอื่นได้ 3.ปัญหาเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองทำให้สมาชิกที่มีฐานะไม่ดี 4.สมาชิกจำนวนหนึ่งแจ้งว่าไม่ยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคเพราะไม่ยอมรับคำสั่งเผด็จการตามมาตรา 44 ที่ 53/2560 และ 5.มายืนยัน แต่ไม่จ่ายค่าบำรุงพรรค เพราะเขายังมีสิทธิเป็นสมาชิกได้อีก 4 ปี ตามรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม นายองอาจ คิดว่าจำนวนสมาชิกที่น้อยลงมากอาจไม่เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้ง เพราะเมื่อมีการปลดล็อกทางการเมือง ให้เปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ ก็สามารถเปิดรับได้ทั้งสมาชิกใหม่และสมาชิกเก่า ส่วนการลาออกของอดีต ส.ส. พรรคที่ก่อนหน้านี้มียื่นใบลาออก 4 คน แต่อดีต ส.ส. ที่เหลือเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ยังมีความประสงค์ที่จะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่าประชาชนในพื้นที่ซึ่งถือเป็นฐานเสียงหลักของพรรคประชาธิปัตย์จะยังเหนียวแน่นและให้การสนับสนุนผู้สมัครของพรรค
ด้าน นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา เผยยอดยืนยันสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาเบื้องต้นเพียง 2,500 คนจากสมาชิกที่มี 24,710 คน ซึ่งไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ต้องจำใจยอมรับ และต้องหาวิธีเพื่ออธิบายต่อผู้ที่เคยเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาอีกครั้ง ผ่านทางจดหมาย เพื่อให้บุคคลที่ไม่ยืนยันกลับเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคอีกครั้ง หลังจากที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อกคำสั่งที่ห้ามพรรคทำกิจกรรมทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า จำนวนสมาชิกพรรคการเมืองที่ลดลง จะมีผลกระทบต่อระบบการเมืองแน่นอน โดยเฉพาะการทำระบบเลือกตั้งขั้นต้น (ไพรมารี่โหวต) ที่กำหนดให้ต้องใช้สมาชิกพรรคเป็นเกณฑ์กำหนด ทั้งใช้ตัวแทนจังหวัด และสาขาของพรรค เมื่อแต่ละพรรคมีสมาชิกพรรคที่ยืนยันหลักพันคน อาจเป็นเรื่องยากต่อการทำระบบไพรมารี่โหวตเพื่อส่ง ส.ส.ให้ครบ 350 เขต หรือครบ 77 จังหวัด เนื่องจากพรรคหนึ่งต้องใช้สมาชิกทั่วประเทศอย่างน้อย 7,000 คน หรือใช้สาขาอย่างน้อย 500 คน หรือตัวแทนจังหวัด ไม่น้อยกว่า 120 คน ดังนั้น จำเป็นต้องหาสมาชิกพรรคให้ครบตามหลักเกณฑ์ของการทำไพรมารี่โหวต อย่างพรรคชาติไทยพัฒนา ที่มียอดเบื้องต้น 2,500 คน ต้องหาสมาชิกอีก 6,000 คนเพื่อให้เพียงพอต่อการทำไพรมารี่โหวตทั่วประเทศ ซึ่งไม่ง่าย ประกอบกับมีเวลาสั้น
ดังนั้นตนจึงอยากให้รัฐบาลทบทวนการทำไพรมารี่โหวต ให้นำไปใช้ในการเลือกตั้งรอบหน้าจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นทั้งพรรคเก่าในระบบกับพรรคการเมืองเกิดใหม่จะลำบากมาก ขณะเดียวกันจะเห็นได้ชัดเจนว่าตามเนื้อหาของคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 สร้างผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะการยืนยันสมาชิกพรรค ภายในเวลากำหนดและหากไม่ยืนยันเท่ากับความเป็นสมาชิกพรรคนั้นสิ้นสุด ตนมองว่าเป็นบทบัญญัติที่ขัดและแย้งกับรัฐธรรมนูญต่อสิทธิประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคอยู่ก่อนที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ และตนยังคาดหวังต่อผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวเร็วๆ นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: