ไม่พบผลการค้นหา
ศาลจังหวัดนครพนม อนุมัติออกหมายจับ 5 คนสนิทช่วย "อดีตพระพรหมเมธี" หนีข้าม สปป.ลาว ด้านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม แจงขั้นตอนหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับ ผบ.ตร.สั่งการ ไม่สามารถให้ข้อมูลได้

ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเงินทอดวัด  หลัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ระดมกำลังกองปราบปรามและตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ จ.นครพนม เพื่อติดตามจับกุม นายจำนงค์ เอี่ยมอินทรา หรือ อดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ กทม. หนึ่งในผู้ต้องหาความผิดเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ที่หลบหนีมา ในพื้นที่ จ.นครพนม ตั้งแต่วันที่ 24พฤษภาคม 2561 ก่อนหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ทางด่านพรหมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม–คำม่วน  โดยพบหลักฐานสำคัญเป็นรถตู้โตโยต้า อัลผาด สีบรอนเงิน ทะเบียน 3 กภ 8672 กทม. ซึ่งนายจำนงค์ใช้หลบหนีมาจาก กทม. นำจอดทิ้งไว้ใกล้กุฏิพระเจ้าอาวาสวัดป่าสุคนธรักษ์ บ้านค่ายเสรี ต.นางาม อ.เรณูนคร จ.นครพนม หลังการหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดมาตรวจสอบ และสืบสวนหาเบาะแส จนกระทั่งประสานงานจับกุมตัวได้ หลังหนีไปประเทศเยอรมัน แต่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาขอตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย

ส่วนการสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายจำนงค์ครั้งนี้ตำรวจได้กุญแจสำคัญ หลังควบคุมตัวสีกาคนสนิทให้การช่วยเหลือหลบหนี คือ นางศศิร์อร เจียมวิจิตรกุล อายุ 54 ปี ภูมิลำเนาอยู่ กทม. ซึ่งตรวจสอบประวัติพบว่า เป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย เป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง นอกจากนี้มีสามีประกอบธุรกิจทำเหมืองแร่ ใน สปป.ลาว ทำให้รู้ช่องทางในการเลี่ยงการจับกุมและสามารถพาหนีออกนอกประเทศได้ง่าย รวมถึงมีลูกศิษย์คนสนิท อีก 1 คน คือ นายพีรวิช  ศรีศรัทธา จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า สีกาคนสนิทรวมถึงลูกศิษย์อีกคน อยู่ในการควบคุมของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นอกจากนี้ยังมีชาวลาว อีก 3 คน ที่ให้การช่วยเหลืออยู่ระหว่างการหลบหนี

ทั้งนี้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตำรวจนครพนม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เสนอศาลจังหวัดนครพนม เพื่อออกหมายจับ และล่าสุดศาลอนุมัติออกหมายจับบุคคลที่ให้การช่วยเหลือพระจำนงค์ แล้ว รวม 5 คน ประกอบด้วย  1. นางศศิร์อร  เจียมวิจิตรกุล สีกาคนสนิท 2.นายพีรวิช  ศรีศรัทธา เป็นคนที่คอยให้การช่วยเหลือ ส่วนอีก 3 คน เป็นชาวลาว ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี  ซึ่งตำรวจจะได้เร่งประสานงานติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ฐานความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือ เป็นผู้ต้องหากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษ จำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ระบุว่า  ขั้นตอนหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับ ทางบังคับบัญชาระดับสูงสั่งการ ส่วนตำรวจในพื้นที่ พร้อมที่จะดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมาย แต่ไม่สามารถให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลเชิงลึกได้ จะต้องรอคำสั่งผู้บังคับบัญชาเท่านั้น เกรงว่าจะกระทบการทำงานของตำรวจ


ภาพจาก : FB วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: