โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินสายปราศรัยต่อกลุ่มผู้สนับสนุนพรรครัฐบาล 'รีพับลิกัน' ในมลรัฐมิสซิสซิปปี ทางใต้ของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (2 ต.ค.) โดยเป็นการพบปะประชาชนก่อนที่จะถึงกำหนดเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ในวันที่ 6 พ.ย.
ช่วงหนึ่งของการปราศรัย ทรัมป์ได้ประณามกลุ่มประเทศโอเปก ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันรายใหญ่ของโลก ว่าเป็นเครือข่ายที่รวมกันปล้นประชาชนทั่วโลก เพราะโอเปกผูกขาดและแทรกแซงกลไกราคาน้ำมัน ทั้งยังได้พาดพิงถึงซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นประเทศผู้นำกลุ่มโอเปก โดยระบุว่าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน ประมุขแห่งซาอุดีอาระเบีย "คงอยู่ได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์" ถ้าไม่มีสหรัฐฯ คอยช่วยเหลือด้านการทหาร
สำนักข่าวรอยเตอร์และนิตยสารไทม์ รายงานอ้างอิงคำพูดของทรัมป์ ซึ่งระบุว่าเขามีโอกาสได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน พร้อมย้ำว่าเขารักกษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย แต่ซาอุดีฯ ควรใช้งบประมาณกองทัพตัวเองในการปกป้องประเทศ เพราะได้ยินคนพูดกันมากว่า ซาอุดีฯ เป็นประเทศร่ำรวย
ขณะที่ สำนักข่าวเอสพีเอ สื่อของซาอุดีอาระเบีย รายงานว่าทรัมป์ได้พูดคุยกับสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานจริง เมื่อวันเสาร์ที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านั้น ทรัมป์ได้แสดงท่าทีกดดันกลุ่มประเทศโอเปกและซาอุดีอาระเบียในเวทีการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UNGA) ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ มาก่อนแล้ว
โดยทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐฯ ช่วยคุ้มครองประเทศต่างๆ โดยที่ไม่ได้อะไรเลย และประเทศเหล่านั้นก็เอาเปรียบสหรัฐฯ ด้วยการตั้งราคาน้ำมันแพงๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดี และสหรัฐฯ ต้องการให้ลดราคาน้ำมัน แทนที่จะปล่อยให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ทางด้าน 'อาหรับ วีกลีย์' เว็บไซต์นิตยสารรายสัปดาห์ในกลุ่มประเทศอาหรับ รายงานอ้างอิงคำแถลงของคาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ที่เข้าร่วมการประชุม UNGA เมื่อวันที่ 23 ก.ย. โดยเขายืนยันว่า ซาอุดีฯ ไม่เคยแทรกแซงราคาน้ำมัน และจากการพูดคุยกับตัวแทนประเทศต่างๆ ต่อกรณีราคาน้ำมัน ยังไม่มีประเทศใดไม่พอใจซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ราคาน้ำมันขณะนี้อยู่ที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ (2,640 บาท) ต่อบาร์เรล
ส่วน 'ปิแอร์ แตร์ซิยง' ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายพลังงานในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระบุว่า ข้อความในทวิตเตอร์ของทรัมป์เมื่อไม่กี่วันมานี้ก็ได้เรียกร้องให้กลุ่มประเทศโอเปกหยุดผูกขาดตลาดน้ำมัน และกล่าวหาว่าสมาชิกโอเปกขูดเลือดขูดเนื้อจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เป็นการแสดงท่าทีแข็งกร้าวเกินไป และซาอุดีอาระเบียสามารถวางเฉยได้อย่างน่าประหลาดใจ แต่จากท่าทีของทรัมป์ จะยิ่งทำให้ซาอุดีอาระเบียหันไปร่วมมือกับรัสเซียมากขึ้น
ขณะเดียวกัน 'เอ็มมานูเอล มาครง' ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นผู้หนึ่งที่ออกมาตอบโต้ทรัมป์ โดยระบุว่า หากทรัมป์คิดตามประโยคที่ตัวเองพูดจนเข้าใจถึงตรรกะสุดท้าย ก็จะเห็นว่ากลุ่มประเทศโอเปกเพิ่งมีมติผ่อนผันมาตรการผลิตน้ำมันเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากมีความพยายามตรึงราคาน้ำมันในตลาดโลกเอาไว้ระยะหนึ่ง แต่ตอนนี้มีความจำเป็นต้องผลิตน้ำมันสำรองเอาไว้ ก่อนที่มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอิหร่านที่สหรัฐฯ ประกาศใช้จะเริ่มมีผลในเดือน พ.ย. ซึ่งจะส่งผลให้อิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันได้ ขณะที่เวเนซุเอลาต้องเผชิญความผันผวนทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศจนส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน สมาชิกโอเปกจึงไม่อาจนิ่งนอนใจได้
ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบียถือว่ามีความร่วมมือทางด้านต่างๆ ที่เหนียวแน่น และทรัมป์เลือกที่จะเดินทางเยือนซาอุดีฯ เป็นประเทศแรกหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว ทั้งยังถือเป็นประเทศพันธมิตรในตะวันออกกลางที่สำคัญของสหรัฐฯ ด้วย
ปัจจุบันซาอุดีฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่เข้าร่วมในการทำสงครามเยเมนเพื่อต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งกองทัพสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้ช่วยเหลือด้านการทหารของซาอุดีฯ
ที่มา: Aljazeera/ Arab Weekly/ Reuters/ Time
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: