ไม่พบผลการค้นหา
สศค.ย้ำเงินดิิจิทัลยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมายไทย ใครโฆษณาชักชวนให้ผู้ใดลงทุนโดยอ้างให้ผลตอบแทนสูง ทั้งที่ไม่มีกิจการที่ถูกต้องตามกฎหมายรองรับ อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายกู้ยืมเงิน มีโทษจำคุก 5-10 ปี ปรับ 5 แสน -1 ล้านบาท

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ออกเอกสารชี้แจงเรื่องการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลแก่ประชาชน โดยระบุว่า ปัจจุบันประชาชนทั่วไปอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า 'เงินดิจิทัล' เป็นสิ่งที่ชำระหนี้ได้ และมีมูลค่าเช่นสกุลเงินสกุลหนึ่ง แต่แท้จริงแล้ว สกุลเงินดิจิทัล หรือ cryptocurrency เช่น บิทคอยน์ เป็นหน่วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ใช่เงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายไทย ซึ่งปรากฎตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ฉบับที่ 8/2557 เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2557

อีกทั้ง มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลเกิดจากอุปสงค์และอุปทานในตัวเอง ที่ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงโดยไม่มีกิจการใดที่ถูกต้องตามกฎหมายรองรับในการสร้างรายได้เพื่อการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน ขณะที่ มูลค่าของเงินดิจิทัลปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก เป็นแรงจูงใจทำให้ประชาชนสนใจที่จะซื้อขายเงินดิจิทัล เพราะคิดว่ามีผลตอบแทนสูงและมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงอาจส่งผลให้มีการชักชวนให้ประชาชนเข้าร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 (พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินฯ) ได้วางหลักข้อกฎหมายว่า ผู้ใดอยู่ในประเทศไทย โฆษณา หรือประกาศเชิญชวนให้ลงทุนใด ๆ ที่มีพฤติกรรมจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราสูง โดยไม่มีกิจการใดที่ถูกต้องตามกฎหมายรองรับ อาจมีลักษณะเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายนี้ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 -1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

ทั้งนี้ ปัจจุบัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางดูแลสกุลเงินดิจิทัลอย่างเหมาะสม

อ่านเพิ่มเติม: