วา ติบา วัย 54 ปี เจ้าของไร่ข้าวโพดบนเกาะมูนา จังหวัดสุลาเวสี ภาคกลางของอินโดนีเซีย ออกจากที่พักช่วงกลางดึก เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อไปตรวจแปลงข้าวโพด ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักราว 1 กิโลเมตร เนื่องจากช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หมูป่ามักจะบุกเข้าไปกินพืชผักที่ปลูกในแปลงเกษตร แต่เธอกลับหายตัวไปจนถึงเช้า
เมื่อเวลา 06.00 น. เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.) ครอบครัวของวา ติบา และชาวบ้านบนเกาะมูนาอีกเกือบร้อยคน ระดมกำลังตามหาบริเวณไร่ข้าวโพดและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีทั้งแหล่งน้ำ เขตป่า และชะง่อนหิน จนกระทั่งพบรองเท้ากับไฟฉายของวา ติบา ตกอยู่ และห่างออกไปจากจุดดังกล่าวราว 50 เมตร ชาวบ้านพบงูเหลือมยาวเกือบ 8 เมตร ในสภาพลำตัวบวมจนไม่สามารถเคลื่อนตัวได้
ชาวบ้านตัดสินใจฆ่าและผ่าท้องงูดังกล่าว พบศพของวา ติบา ในสภาพที่ยังอยู่ครบทุกส่วน รวมถึงเสื้อผ้า และผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า วา ติบา น่าจะเสียชีวิตตั้งแต่ก่อนจะถูกงูกลืนเข้าไป เนื่องจากปกติแล้ว งูเหลือมจะกัดศีรษะของเหยื่อ เพื่อตรึงไม่ให้ขยับ จากนั้นจะรัดพันตัวของเหยื่อก่อนจะเขมือบลงท้อง
งูเหลือมที่มีความยาวถึง 7-8 เมตร พบมากในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ รวมถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว งูชนิดนี้มักจะเลือกเหยื่อขนาดเล็ก และผู้เชี่ยวชาญระบุว่า โอกาสที่คนจะถูกงูเหลือมกินหรือล่านั้นมีน้อยมาก เทียบเท่าโอกาสที่คนจะถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 แต่เหตุการณ์งูเหลือมกินคนไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกในอินโดนีเซีย
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2560 อักบาร์ ชายชาวอินโดนีเซียวัย 25 ปี ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะซาลุบิโระ ทางตะวันออกของจังหวัดสุลาเวสี ถูกพบเป็นศพในท้องงูเหลือมขนาด 7 เมตร หลังจากที่เขาออกจากบ้านไปตรวจแปลงเกษตรช่วงเวลากลางคืนเช่นกัน
นอกจากนี้ ประชากรชาวคริสต์ในจังหวัดสุลาเวสี ซึ่งไม่มีข้อห้ามเรื่องอาหารเหมือนผู้นับถือศาสนาอิสลาม นิยมล่างูเหลือมและงูหลาม รวมถึงมีการจำหน่ายเนื้องูตามตลาดสดต่างๆ ทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ออกมารณรงค์ไม่ให้คนบนเกาะฆ่าหรือล่างูเพื่อเป็นอาหาร เพราะบางชนิดเป็นสัตว์หายากและใกล้จะสูญพันธุ์
ที่มา: AP/ Jakarta Post/ Washington Post
ภาพจาก: AFP/ David Clode on Unsplash
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: