ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี ย้ำเทคโนโลยีดิจิทัล จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างโลก ระหว่างเรา ระหว่างครอบครัว มองกฎหมายและสิทธิมนุษยชนอยู่บนเส้นเดียวกัน ต้องไม่ก้าวล่วง ทำผิดแล้วต้องยอมรับ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานมหกรรมนวัตกรรมดิจิตอลเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเชียงใต้ Digital Thailand Bigbang 2018 พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Big Data เพื่อการพัฒนาประเทศ โดยเห็นว่าปัจจุบันโลกได้เข้าสู่ยุคระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ที่เทคโนโลยีดิจิทัลจะไม่เป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุนการทำงานอีกต่อไป หากแต่ได้หลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งกับชีวิตของเราอย่างแท้จริงและได้เปลี่ยนโครงสร้างรูปแบบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กระบวนการผลิต การค้าการบริการและกระบวนการทางสังคมอื่นๆ รวมถึงมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไปอย่างสิ้นเชิง

รัฐบาลได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่ประเทศต้องเร่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีให้สัมฤทธิ์ผล สามารถตอบปัญหาความท้าทายที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่หรือเพิ่มโอกาสในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมผ่านการวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิตอลทั่วประเทศ สร้างรายได้ให้ประชาชนในชุมชนผ่าน E - commerce ยกระดับคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพการเรียนรู้ การเข้าถึงบริการของรัฐทำให้เกิดการกระจายทรัพยากรและโอกาสที่ทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรมยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดต้องมีแผนแม่บทคำนึงถึงความต่อเนื่อง โดยจะทำควบคู่ไปกับอีกหลายด้าน เช่น การศึกษา ความมั่นคง 

รัฐบาลจะต้องมีความสัมพันธ์กัน ทางด้านอุตสาหกรรม การศึกษาการรักษาพยาบาล หรือภาคการเกษตร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับคนทั้งสิ้น ดังนั้น นโยบายของรัฐบาลต้องการให้ระบบดิจิทัลเข้ามาเสริม ภายใต้หลักการทำงานที่คำนึงถึงทั้งผู้ดำเนินการและผู้รับประโยชน์ 

นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า โจทย์ของประเทศไทยคือ ทำอย่างไรจะให้สิ่งเหล่านี้ไปถึงคนทั้งหมดให้ได้ ยอมรับว่าผู้ที่มีความแตกต่างยังคงมีอยู่ ดังนั้นจึงต้องกำหนดเป้าหมายโดยใช้กรอบของรายได้และอาชีพต่างๆ เข้ามา เป็นกลไกเพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการ หลังจากได้พัฒนาในประเทศ โดยเฉพาะการวางอนาคตของเยาวชนแล้ว ต้องดูว่าจะสามารถเชื่อมโยงกับประเทศต่างๆได้อย่างไร โดยต้องแข็งแกร่งไปด้วยกัน ทั้งผู้รับบริการ ผู้ใช้บริการจะต้องมีความสอดคล้อง เช่นการทำบัตรสวัสดิการที่รัฐบาลได้ดำเนินการ 

นอกจากนี้ ยังต้องให้ความสำคัญกับเรื่องภัยคุกคามรูปแบบใหม่ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการงานด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ได้กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า คำว่าผิดกฎหมายกับคำว่าสิทธิมนุษยชนมันอยู่บนเส้นเดียวกัน จึงอยู่ที่วิธีการทำอย่างไรไม่ให้ก้าวล่วง เมื่อกระทำความผิดแล้วต้องยอมรับผิด ไม่ใช่ย้อนถามว่าเพราะไม่รู้ จึงไม่ต้องลงโทษ 

นายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่ใช่มีเพียงประเทศไทยประเทศเดียว แต่จากการพูดคุยกับหลายประเทศ พบการเผชิญปัญหาในลักษณะเดียวกัน การใช้เทคโนโลยีในการป้องกันสืบสวน ติดตามจับกุมรัฐบาล จึงต้องให้ความสำคัญ ดังนั้นการร่วมมือกับนานาอารยประเทศจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่ทุกคนพูดถึง ซึ่งต้องร่วมมือกัน สำหรับเรื่องการค้าขายจะต้องไปเป็นแบบพหุภาคีไม่ใช่ทวิภาคี พร้อมเร่งรัดให้มีการลงทุน ยกระดับ Smart City เพื่อบริหารเมืองใหม่ เมืองอัจฉริยะที่มีความทันสมัย แต่ภายใต้ความทันสมัยของเทคโนโลยี ขอให้ระมัดระวังเรื่องการนำมาใช้ อย่าให้ถูกครอบไปในชีวิตทั้งหมด 

นอกจากนี้ยังต้องมีการเสริมสร้างเพื่อพัฒนาศักยภาพคน ทรัพยากรมนุษย์ สร้างอุปกรณ์แล้วสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ การสร้างความรับรู้ให้กับชาวบ้าน 5 แสนคนจากเน็ตประชารัฐ มีการสร้างวิทยากร เป็นแกนนำไปสอนให้รู้เท่าทันเทคโนโลยี ตั้งแต่นโยบายจังหวัด อำเภอไปถึงตำบล หมู่บ้าน ซึ่งปัจจุบันมีผู้ร่วมกิจกรรมเยอะขึ้น 

ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนจับสาระที่นายกฯ พูดให้ได้เพราะอยากให้ประเทศเดินหน้า อยากให้ทุกคนเป็นเพื่อนกัน ต้องซื่อสัตย์ ต้องจริงใจต่อกัน ซึ่งสุดท้ายเราไม่ใช่คู่แข่งกัน เราเป็นเพื่อนกัน เราเป็นมนุษย์ด้วยกัน เราเป็นโลกด้วยกัน เชื่อว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็นส่วนที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างโลกระหว่างเรา ระหว่างครอบครัว ระหว่างคนมีสตางค์ กับคนไม่มีสตางค์ แต่ทำอย่างไรจะให้เข้าถึงให้ได้ พร้อมฝากถึงทุกคนเพราะเป็นการทำงานร่วมกันของรัฐบาล ภาคประชาสังคม ที่เรียกว่าประชารัฐช่วยกันทำต่อไป