สำนักข่าวเดอะไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า นายสตีเฟน มิลเลอร์ ผู้ช่วยทำเนียบขาวที่มักเสนอนโยบายผู้อพยพที่เข้มงวด พยายามผลักดันให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคนอื่นๆ ในรัฐบาล พิจารณาแบนการให้วีซ่านักเรียนแก่ชาวจีน ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังหารือกันเรื่องการป้องกันการสอดแนมจากจีน
ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวเคยเสนอให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยุติการให้วีซ่านักเรียนกับชาวจีน แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกพับเก็บไป เพราะมีความกังวลเรื่องผลกระทบด้านการค้าและการทูต
เมื่อเดือนธ.ค. ปี 2017 ทำเนียบขาวเผยแพร่ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า สหรัฐฯ จะทบทวนขั้นตอนการขอวีซ่าและลดการจารกรรมข้อมูลเกี่ยวกับความลับทางการค้าจากผู้เก็บข้อมูลลับที่ไม่ใช่สายลับแบบเดิมๆ และจะพิจารณาห้ามนักเรียนต่างชาติเข้าเรียนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์
แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับนโยบายผู้อพยพขของสหรัฐฯ เปิดเผยกับเดอะไฟแนนเชียลไทม์สว่า ขณะที่การถกเถียงส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่การจารกรรมข้อมูลลับทางการค้า นายมิลเลอร์ระบุว่า ข้อเสนอของเขาจะส่งผลเสียกับมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีอาจารย์และนักศึกษาที่มักวิพากษ์วิจารณ์นายทรัมป์ด้วย
อย่างไรก็ตาม นายเทอร์รี แบรนสเตด อดีตผู้ว่าการมลรัฐไอโอวา ซึ่งปัจจุบันเป็นทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน คัดค้านแผนของนายมิลเลอร์โดยระบุว่า มาตรการนี้จะส่งผลกระทบกับมหาวิทยาลัยขนาดเล็ก เช่น มหาวิยาลัยในมลรัฐไอโอวา มากกว่ามหาวิทยาลัยไอวี��ีกที่รวยกว่า นอกจากนี้ มลรัฐส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ได้ดุลการค้าและบริการกับจีน ส่วนหนึ่งก็เพราะนักศึกษาจีนไปจับจ่ายใช้สอยในสหรัฐฯ
ฝ่ายคัดค้านข้อเสนอของนายมิลเลอร์ระบุว่า แม้การหารือครั้งก่อน นายทรัมป์จะไม่ได้นำข้อเสนอนี้ไปพิจารณาต่อ แต่พวกเขาก็เกรงว่า จะมีการพิจารณาแบนวีซ่านักเรียนจีนอีกครั้ง หลังจากที่ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ และจีนย่ำแย่ลง จากสงครามการค้าและประเด็นเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์
นายเอ็ดเวิร์ด อัลเดน ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้อพยพของสถาบัน Council on Foreign Relations ระบุว่า การไม่รับนักศึกษาต่างชาติจะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยที่ผ่านมา สหรัฐฯ ดึงดูดผู้อพยพที่มีความสามารถที่สุดในโลกในจำนวนมาก เพราะชาวต่างชาติเหล่านี้ต้องการเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยระดับโลกในสหรัฐฯ หากสหรัฐฯ ปิดรับนักศึกษาต่างชาติ สหรัฐฯ จะจนลงและจะอ่อนแอลงด้วย
สถาบันการศึกษานานาชาติระบุว่า ในปีการศึกษา 2016 - 2017 นักศึกษาจีนไปเรียนในสหรัฐฯ มากที่สุดคิดเป็นจำนวนมากกว่า 350,000 คน ขณะที่นักศึกษาอินเดียมากเป็นอันดีที่ 2 อยู่ที่ประมาณ 186,000 คน
ด้านเจ้าหน้าที่ของจีนแสดงความเห็นต่อข้อเสนอแบนวีซ่านักศึกษาจีนของสหรัฐฯ ว่า เป็นข้อเสนอที่ "น่าขัน" และ "วิสัยทัศน์แคบมาก" พร้อมระบุว่า นักศึกษาจีนสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจจีนในปี 2017 มากถึง 18 ล้านดอลลาร์แล้ว การทำให้การแลกเปลี่ยนนักศึกษากลายเป็นเรื่องการเมือง และปิดประตูใส่การแลกเปลี่ยนและร่วมกันถือเป็นการสวนกระแสโลกาภิวัฒน์ และมีโอกาสน้อยมากที่สหรัฐฯ จะทำร้ายจีนได้โดยไม่ทำร้ายตัวเอง
ที่มา : Financial Times