ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ยินดีราคาปาล์มสดเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ชี้ผู้ประกอบการมั่นใจแนวทางของรัฐบาล

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า หลังจากที่ ครม. มีมติให้นำน้ำมันปาล์มดิบไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่โรงงานไฟฟ้าบางปะกง 160,000 ตัน เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยดึงราคาปาล์มน้ำมันให้สูงขึ้นนั้น

ล่าสุดจากการลงพื้นที่ จ. ชุมพร และ จ. สุราษฎร์ธานี ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า ผู้ประกอบการในท้องถิ่นเกิดความมั่นใจแนวทางของรัฐบาล ส่งผลให้ราคารับซื้อผลปาล์มสดขยับเป็น 3 บาท/กก. หน้าโรงงานสกัด ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ 3 - 3.20 บาท/กก. โดยภาครัฐจะทำให้ราคาดังกล่าวส่งถึงมือเกษตรกรชาวสวนปาล์มให้ได้

นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากค่ายรถใหญ่และรถบรรทุกที่หันมาเติมน้ำมันไบโอดีเซลบี 20 มากกว่า 100,000 คันแล้ว ตามนโยบายสนับสนุนให้สถานบริการน้ำมันขายไบโอดีเซลบี 20 ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์โดยตรง

"นายกฯ ย้ำว่า การช่วยเหลือเกษตรกรมีทั้งมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพ 1,500 บาทต่อไร่ และการช่วยเหลือเรื่องราคาที่จะทำให้ทุกคนได้ประโยชน์ทั่วถึงกัน เพราะเกษตรกรบางคนมีสวนปาล์มอยู่ในที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์หรือมีข้อจำกัดอื่น ๆ ทำให้ไม่เข้าเกณฑ์การช่วยเหลือค่าครองชีพ ดังนั้นจึงดีใจกับเกษตรกรที่ราคาปาล์มเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว โดยรัฐบาลพร้อมจะดูแลแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องต่อไป"

ทั้งนี้ เมื่อเดือน พ.ย. มีการร้องเรียนรัฐบาลเรื่องปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตก และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ กฟผ. รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากพื้นที่แหล่งผลิตสำคัญ เช่น กระบี่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร เป็นต้น เพื่อนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา โดย กฟผ. จะรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 160,000 ตัน ที่ราคากิโลกรัมละ 18 บาท ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561 ถึง กุมภาพันธ์ 2562 โดยคาดว่าจะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 576 ล้านหน่วย 

ส่วนเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิงกับรายได้จากการขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ 1,354 ล้านบาท โดยกฟผ. จะขอรับเงินชดเชยในวงเงินเพียง 525 ล้านบาท ขณะที่กรมการค้าภายในรับผิดชอบในการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งปัจจุบันมีน้ำมันปาล์มดิบอยู่ประมาณ 240,000 ตัน ดังนั้นการดูดซับปาล์มออกไป 160,000 ตัน จะเป็นการช่วยเรื่องอุปทานส่วนเกินได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: