ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ประกาศชัยชนะชักธงเขียวของกลุ่มแทนธงของเหมืองหินและปล่อยป้ายผ้ายักษ์ “ให้เหมืองจบที่รุ่นเรา” ตรงผาที่ถูกระเบิดหิน พร้อมประกาศทวงคืนความยุติธรรมให้กับนักปกป้องสิทธิฯ ที่ถูกสังหารไป 4 ศพ หลังเดินหน้าต่อสู้ตลอดระยะเวลา 26 ปี

ที่ปากทางเข้าเหมืองหิน ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู นักป้องป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนฯที่ได้ปักหลักชุมนุมต้านเหมืองมาเป็นระยะเวลา 23 วันจำนวน 300 คนได้เริ่มกิจกรรมดีเดย์ ยึดพื้นที่เหมืองให้เป็นเขตป่าชุมชน พร้อมประกาศชัยชนะและเจตนารมณ์ #ให้เหมืองจบที่รุ่นเรา หลังใบอนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเก่ากลอย และป่านากลาง หมดลงเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยมีชาวบ้านจากกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชน เขาเหล่าใหญ่ –ผาจันได จาก 6 หมู่บ้านตบเท้าตั้งขบวน เพื่อเดินเท้ามุ่งหน้าสู่เหมืองหิน การตั้งขบวนเป็นลักษะของการเรียง 4 หน้ากระดาน พร้อมการชูป้าย ชูธงต้านเหมือง โดยมีนางสอน คำแจ่ม ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิฯภรรยาของกำนันทองม้วน คำแจ่ม หนึ่งในนักปกป้องสิทธิฯที่ลุกขึ้นมาต่อต้านการสร้างเหมืองหินจนถูกยิงเสียชีวิตเมื่อ 22 เม.ย.2542  โดยนางสอนถือรูปกำนันทองม้วน เดินนำหน้าขบวน พร้อมกับมีการเคาะฆ้องขนาดใหญ่เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย โดยชาวบ้านได้ตะโกน 3 ข้อเรียกร้องคือ ยึดเหมืองหินและโรงโม่ ฟื้นฟูภูผาป่าไม้ และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยว ไปตลอดทางของการเดินขบวน

เมื่อชาวบ้านเดินทางมาถึงภายในเหมืองและทำการยึดเหมืองได้สำเร็จก็ได้ร่วมกันปล่อยป้ายผ้ายักษ์ “ให้เหมืองจบที่รุ่นเรา”  ตรงบริเวณพื้นที่ของภูเขาที่ถูกบริษัทเหมืองระเบิดหินพร้อมกับการชักธงเขียวของกลุ่มที่เขียนข้อความ เดิน ปิด เหมือง ชักขึ้นสู่ยอดเสาแทนธงแดงของบริษัทเหมือง เพื่อประกาศชัยชนะในการยึดพื้นที่เหมืองสำเร็จ พร้อมกับปักเสาป้ายชื่อหมู่บ้าน ชุมชนผาฮวกพัฒนาชาวประชาสามัคคีด้วย

จากนั้นเป็นพิธีบวชต้นไม้เปลี่ยนเขตเหมืองหินให้เป็นป่าชุมชนโดยชาวบ้านได้ร่วมกันนำผ้าเหลืองไปบวชป่าและก้อนหินโดยรอบเหมือง เพื่อประกาศเจตนารมณ์ว่า ต้นไม้ทุกต้น ก้อนหินทุกก้อนจะถูกเปลี่ยนให้เป็นป่าชุมชนและจะไม่ถูกทำลายอีกต่อไป ต่อเนื่องมาด้วยการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้กับป่าและต้นไม้ ที่ถูกทำลายโดยบริษัทเหมืองก่อนหน้านี้

ต่อมาชาวบ้านได้ร่วมกันสงบนิ่ง 1 นาทีเพื่อรำลึกถึง 4 นักต่อสู้ดงมะไฟที่ถูกสังหารจากการลุกขึ้นมาต่อต้านเหมือง และนางสอน คำแจ่ม ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ภรรยาของกำนันทองม้วน คำแจ่ม ที่ถูกลอบยิงจนเสียชีวิต จากการต่อต้านเหมืองได้กล่าวปลดแอกดงมะไฟคืนความยุติธรรมให้กับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนทั้ง 4 ชีวิตที่ถูกสังหาร

สอน ระบุว่า การต่อสู้ที่ผ่านมาถือว่าไม่เสียเปล่า เพราะมีพ่อแม่พี่น้องในชุมชนที่ได้รับผลกระทบได้ร่วมกันต่อสู้ร่วมกัน ส่วนจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนกับสามีอีกครั้งหรือไม่นั้น นางสอนยืนยันว่า แม้ตัวตายก็ไม่เสียดายชีวิต เพราะวันนี้ ถือเป็นวันชัยชนะของชาวบ้าน ในการยึดพื้นที่เหมืองคืน ที่มาถึงวันนี้ได้ สามีคงภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนทำ ซึ่งหลังจบกิจกรรม ตนก็จะไปเคาะโรงบรรจุศพสามีที่วัด จากนั้นก็จะนำศพสามีขึ้นมาฌาปนกิจ เพื่อสามีรับรู้ว่าชัยชนะของประชนวันนี้ได้มาถึงแล้ว และการที่เราออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ จะทำให้ภาครัฐ ผู้มีอำนาจ เข้ามาเหลียวแลการต่อสู้ของเราได้มากขึ้น

วิลัย อนุเวช นักปกป้องสิทธิกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชน เหล่าใหญ่ –ผาจันได ได้นำกล่าว คำประกาศภูผาฮวกทวงคืนภูผาป่าไม้ ทวงถิ่นแผ่นดินโดยเนื้อความระบุว่า หมู่บ้านภูผาฮวกที่มาปักป้ายใหม่ตรงนี้ แต่ก่อนเคยนายทุนทำการระเบิดหินเอาไปขายเพื่อเข้าประโยชน์ส่วนตนเป็นเวลาหลายปี  วันนี้ได้ถูกทวงคืนแล้วอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ จากการที่ใบอนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าไม้เพื่อทำเหมืองแร่หมดอายุลงเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา และในวันที่  24 ก.ย.ที่จะถึงนี้ จะเป็นวันที่ใบประทานบัตรเหมืองหินจะหมดอายุลง ในเช้าวันที่  25 ก.ย.นี้ ทางนักป้องป้องสิทธิ กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชน เขาเหล่าใหญ่ –ผาจันได จะเคลื่อนขบวนไปปิดโรงโม่หิน แบบสมบูรณ์ โดยขอให้หน่วยงานรัฐและผู้ประกอบได้ขนย้ายเครื่องจักร  รถยนต์กลไก  วัสดุอุปกรณ์  หรือวัตถุอื่นใดเกี่ยวกับการทำเหมืองและโรงโม่หินออกไปให้หมดสิ้นก่อนวันที่  25 ก.ย.นี้

“พวกเราจะลืมความเจ็บช้ำน้ำใจจากการเสียชีวิตถึง  4 ศพ  ลืมความเจ็บช้ำน้ำใจจากการฟ้องคดีกลั่นแกล้ง  ทำให้ต้องติดคุกติดตารางไปหลายปี  ลืมความเจ็บช้ำน้ำใจที่ถูกตำรวจกระหน่ำตีจนบาดเจ็บหัวร้างข้างแตก และลืมความเจ็บช้ำน้ำใจที่กดให้พวกเราต้องหวาดกลัว ความหวาดกลัวได้สิ้นสุดลงแล้ว  การมุ่งมั่นปิดเหมือง ทวงถิ่นแผ่นดินแม่  จะเยียวยาความเจ็บช้ำน้ำใจทุกอย่างที่ผ่านมา   นี่คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของตำบลดงมะไฟที่จะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม พร้อมสานภารกิจ พัฒนาดงมะไฟให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดีต่อไป” ตัวแทนนักปกป้องสิทธิ กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชน เหล่าใหญ่ –ผาจันได กล่าว

ขณะที่ สมควร เรียงโหน่ง ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ – ผาจันได ได้หยิบสำเนาใบประกอบการขออนุญาตใช้พื้นที่เขตป่าสงวนในการทำเหมืองของบริษัทเอกชนมาฉีกทิ้งพร้อมประกาศว่า ถึงแม่วันนี้ใบขออนุญาตเข้าทำเหมืองยังไม่สิ้นสุดแต่ใบอนุญาตในการขอใช้ป่าสงวนในการทำเหมืองได้สิ้นสุดลงแล้วก็ไม่สามารถทำเหมืองได้เช่นกันดังนั้นพวกเราที่มาอยู่ร่วมกันที่นี่วันนี้จะร่วมกันทำลายใบอนุญาตในการขอใช้พื้นที่ป่าทำเหมืองให้มันสิ้นสุดลง

เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ – ผาจันได อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู  กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นกิจกรรมประกาศชัยชนะยึดเหมืองคืนในวันนี้ ทางเรายังคงยืนหยัดปักหลักตรงปากทางเข้าเหมืองต่อไป จากนั้นในวันที่ 25 ก.ย.นี้ จะมีการเคลื่อนขบวนเพื่อไปปิดโรงโม่แบบเบ็ดเสร็จถาวรต่อไป เนื่องจากวันที่ 24 ก.ย.ที่จะถึงนี้ ใบประทานบัตรเหมืองหินจะหมดอายุลง ซึ่งสอดคล้องกับไทม์ไลน์การยึดเหมืองแบบเบ็ดเสร็จ ที่ต้องไม่มีเครื่องมือทำเหมืองทุกชนิดอยู่ในพื้นที่

ปรานม สมวงศ์จากองค์กร Protection International ได้ระบุว่าที่ผ่านมาเกือบสามทศวรรษหน่วยงานรัฐไม่เหลียวแลชาวบ้านเลย ความสำเร็จของการยึดเหมืองหินในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าองค์กรประชาสังคมและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความเคารพสิทธิมนุษยชนของภาคธุรกิจและเสริมสร้างความพร้อมรับผิดของบรรษัท ทั้งรัฐบาลและธุรกิจของไทยควรถือว่าองค์กรประชาสังคมและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนเป็น “หุ้นส่วนสำคัญ” และทำงานกับพวกเขาอย่างสร้างสรรค์เพื่อป้องกันบรรเทาและเยียวยาผลกระทบไม่พึงประสงค์ด้านสิทธิมนุษยชน ดังนั้นเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมากที่ในขณะนี้ที่เราพบว่าร่างแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (NAP) ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ยังขาดทั้งเนื้อหาที่สำคัญรวมถึงการส่งเสริมการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชน (due diligence) ซึ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ผาจันไดร่วมกันชู 3 นิ้วประกาศข้่อเรียกร้องของกลุ่ม.jpgชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่ผาจันไดนำป้ายชื่อหมู่บ้่านมาปักเพื่อยึดคืนพื้นที่เหมืองให้เป็นป่าชุมชน.jpg