บทสัมภาษณ์พิเศษเปิดใจครั้งแรกของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ที่ออกอากาศในค่ำคืนวันอาทิตย์ทางเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ช่องซีบีเอสของสหรัฐฯ ซึ่งคู่รักซัสเซกซ์ได้เปิดเผยเรื่องราวชีวิตในวังหลวงเป็นครั้งแรกหลังยุติบทบาทในฐานะสมาชิกพระราชวงศ์ต่อพิธีกรดัง 'โอปราห์ วินฟรีย์' ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ต่อราชวงศ์อังกฤษ หลังจากที่ดัชเชสเมแกนเผยถึงเบื้องหลังสังคมในราชสำนัก รวมถึงสมาชิกในราชวงศ์มีทัศนคติด้านเชื้อชาติ ทั้งไม่สนับสนุนส่งเสริมเมแกนในฐานะสมาชิกราชวงศ์จนทำให้เธอต้องคิดฆ่าตัวตาย
ไม่นานหลังบทสัมภาษณ์ถูกเผยแพร่ บรรดาผู้ติดตามและนักวิจารณ์ราชวงศ์หลายคนได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ถึงการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว โดยเอมิลี่ แนช บรรณาธิการข่าวราชสำนักของนิตยสาร Hello! magazine กล่าวว่า คำให้สัมภาษณ์ของเมแกนเป็นการ "ทำลายล้าง" ราชวงศ์อังกฤษอย่างชัดเจน
แนชมองว่า คำให้สัมภาษณ์นี้สร้างความเสียหายอย่างมากต่อสถาบันที่ทำหน้าที่อย่างภาคภูมิในฐานะประมุขแห่งเครือจักรภพซึ่งที่ผ่านมาดำเนินบทบาทอย่างหลากหลายในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ
"การให้สัมภาษณ์นี้เป็นข้อกล่าวหาครั้งใหญ่ และเป็นการทำลายล้างราชวงศ์อย่างชัดเจน ปัญหาความสัมพันธ์ส่วนพระองค์ในครอบครัวนั้นก็เป็นประเด็นหนึ่ง แต่การที่ยิ่งบอกว่าราชวงศ์เลือกปฏิบัติต่อเธอทั้งทางเชื้อชาติและในฐานะส่วนหนึ่งของสมาชิกราชวงศ์ สร้างความเจ็บปวดให้กับบักกิงแฮมไปอีก" แนชระบุ
เช่นเดียวกับ นิค บุลเลน บรรณาธิการบริหารของ True Royalty TV ตั้งคำถามหลังการให้สัมภาษณ์ว่า "จะมีอะไรดีขึ้น มันทำให้พวกเขารู้สึกดีขึนหรือไม่? บทสัมภาษณ์นี้ใครจะได้ประโยชน์? ในระยะยาวฉันคิดว่าไม่ เพราะสิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้คือเรื่องราวของคู่รักซัสเซกซ์ในรูปแบบภาพยนตร์ ฉันคิดว่าพวกเขาได้ปลดปล่อยนรกแล้ว "
ดิกกี้ อาร์บิเตอร์ อดีตเลขาธิการฝ่ายสื่อของวังบักกิงแฮม กล่าวในการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการหนึ่งบนช่องยูทูบ ซึ่งแม้รายการดังกล่าวหลอกให้นักวิจารณ์ราชวงศ์พูดถึงเรื่องนี้ แต่อดีตเลขาฯ ฝ่ายสื่อของราชวงศ์ได้เผยว่า "ในความคิดฉันเมแกนคือนักแสดงที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เมแกนกำลังแสดงตั้งแต่ต้นจนจบการสัมภาษณ์"
เช่นเดียวกับ ริชาร์ด ฟิตซ์วิลเลียม บรรณาธิการบริหารของนิตยสารข่าวราชวงศ์ Majesty magazine ซึ่งถูกหลอกให้พูดถึงการสัมภาษณ์บนยูทูบเช่นกันนั้นมองว่า เป็นการสัมภาษณ์ที่ไม่เท่าเทียม โดยเขายังกล่าวว่า โอปราห์ให้ภาพเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกนในลักษณะเห็นอกเห็นใจ ทั้งยังว่า เมแกนได้ใช้ภาษาในการสัมภาษณ์ที่รุนแรงมากเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของสมาชิกราชวงศ์องค์อื่นๆ ที่มีต่อเธอและเจ้าชาย
มิเชล ทัลเบอร์ ผู้สื่อข่าวราชวงศ์ในฟลอริด้า เผยกับรอยเตอร์หลังได้ชมบทสัมภาษณ์ว่า "ฉันคิดว่าการสัมภาษณ์นี้ควรแบ่งเป็นสองประเด็น ที่มีข้อกล่าวหามากมายต่อสถาบัน ซึ่งเมแกนและแฮร์รี่ต่างพูดว่าถ้าพวกเขาได้รับการสนับสนุนที่ดีกว่านี้ พวกเขาจะไม่มีวันออกจากราชวงศ์ ในบทสัมภาษณ์เมแกนและแฮร์รี่แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดทางสังคมในราชสำนัก และแน่นอนเรื่องราวที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อนเกี่ยวกับมิติทางเชื้อชาติ ดังนั้นฉันคิดว่าทั้งหมด ซึ่งนำไปสู่คำถามใหม่ ๆ มากมายว่าสิ่งต่างๆ มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร"
ทัลเบอร์ยังกล่าวถึงส่วนที่เจ้าชายแฮร์รี่พูดถึงประเด็น 'เจ้าหญิงไดอานา' ว่า "ที่แฮร์รีพูดถึงสถานการณ์นี้โดยเปรียบเทียบกับพระมารดานั้น สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของเขาที่มีต่อแม่ จากการถูกตัดขาดทางการเงิน การย้อนถึงพระมารดาคือส่วนหนึ่งของการพยายามเชื่อมต่อกับชาวอเมริกัน ซึ่งไดอานาเคยได้รับความนิยมสูงในหมู่ชาวอเมริกัน ฉันคิดว่าการพูดแบบนี้จะโดนใจคนจำนวนมาก"
ด้าน คริส ชิป บรรณาธิการข่าวราชสำนัก ประจำสถานีโทรทัศน์ไอทีวีของอังกฤษ ระบุในบทความคิดเห็นโดยเปรียบเทียบว่า สิ่งที่เมแกนและเจ้าชายแฮร์รี่ให้สัมภาษณ์ ไม่ต่างอะไรกับการ "บรรทุกระเบิดขึ้นเครื่องบินแล้วทิ้งบอมบ์กลางวังบักกิงแฮม" โดยเขามองว่า มีข้อทำถูกทำให้เข้าใจผิดในหลายประเด็นเกี่ยวกับราชสำนัก ที่ออกมาจากคำให้สัมภาษณ์ของทั้งคู่
ขณะที่สาธารณชนมีมุมมองในเรื่องนี้ที่แตกต่างกันออกไป 'อลิน่า' หญิงชาวอังกฤษเผยต่อเอเอฟพี โดยเธอมองว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่แผนการตลาด ที่คู่ซัสเซกซ์พยายามสร้างความสนใจใหม่ๆ เพื่อหารายได้เท่านั้น พวกเขาพยายามทำมันให้ได้มากที่สุด
ส่วน โซอี่ หญิงวัย 48 กล่าว "ฉันคิดว่าเธอเป็นหญิงสาวที่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจ โดยเฉพาะฉันคิดว่าเธอต้องการที่จะมีชีวิตต่อไป และเรื่องนี้ ฉันไม่คิดว่ามันไม่ได้เป็นธุระอะไรของเราจริงๆ"
ในการแถลงข่าวประจำวัน นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ของคู่รักซัสเซกซ์ รวมถึงประเด็นที่ว่าราชวงศ์มีอคติทางเชื้อชาติหรือไม่ แต่นายกอังกฤษได้แสดงจุดยืนสนับสนุนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่2 โดยกล่าวว่า "สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมสามารถพูดได้คือ ผมชื่นชมสมเด็จพระราชินี และบทบาทของพระองค์ที่แสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันในประเทศของเราและทั่วทั้งเครือจักรภพ"
แซค โกลด์สมิธ รัฐมนตรีอาวุโสประจำสำนักกิจการต่างประเทศและการพัฒนาแห่งสหราชอาณาจักร ทวีตข้อความว่า "แฮร์รี่กำลังทำให้ครอบครัวของเขาพังทลาย นี่เป็นสิ่งที่เมแกนต้องการ"
ด้านเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ให้ความเห็นถึงบทสัมภาษณ์นี้โดยยกย่อง ความกล้าหาญ ของทั้งเมแกน และเจ้าชายแฮร์รี่ ที่ออกมาพูดถึงปัญหาด้านสุขภาพจิตและเรื่องราวส่วนตัวของพวกเขา
"สำหรับใครก็ตามที่ออกมาพูดเกี่ยวกับการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิตของตัวเอง และบอกเล่าเรื่องราวของตนเองนั้นนับว่าต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก" นอกจากนั้นเธอยังพูดถึง ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นแบบพิเศษที่สหรัฐฯ มีต่อสหราชอาณาจักร แต่เลี่ยงการตอบถึงประเด็นมุมมองด้านเชื้อชาติและสีผิวในราชวงศ์
"เราจะไม่ให้ความเห็นเพิ่มเติมจากที่นี่ในนามของประธานาธิบดีหรือคนอื่น ๆ เนื่องจากคนเหล่านี้เป็นพลเมืองส่วนตัวที่แบ่งปันเรื่องราวของพวกเขาเองและการต่อสู้ของพวกเขาเอง" โฆษกทำเนียบขาวระบุ
ด้านอแมนดา กอร์แมน กวีผู้สร้างความตื่นตะลึงในพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทวีตข้อความเช่นกันว่า
“เมแกนคือโอกาสที่ดีที่สุดของราชวงศ์ในการเปลี่ยนแปลง เกิดใหม่ และปรับตัวให้เข้ากับยุคใหม่ พวกเขาไม่ใช่แค่ทำไม่ดีกับเธอเท่านั้น พวกเขายังพลาดโอกาสไปแล้วด้วย”
ส่วน เซเรนา วิลเลียมส์ นักเทนนิสผู้ประสบความสำเร็จ เพื่อนของเมแกนแสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ "ฉันเจอมาก่อนเรื่องการเหยียดผิว เหยียดเพศของสถาบัน แล้วใช้สื่อมาใส่ร้ายผู้หญิงผิวสีเพื่อลดทอนพวกเรา มาทำลายและทำให้เราเป็นปีศาจ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: