ไม่พบผลการค้นหา
สศค. แจงการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 สำหรับกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท เป็นนโยบายต่อเนื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปัดเตรียมเงินไว้ใช้เลือกตั้ง ก.พ. 2562

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ออกเอกสารชี้แจงถึงเรื่อง 'ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมือง' โดยระบุว่า รัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดทำโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2559 และ 2560 เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย นับตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 2560 ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการ 'ประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ' ตามที่กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางเสนอ ซึ่งประกอบด้วย

(1) วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าประชารัฐและร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด โดยให้วงเงิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับผู้ที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี และวงเงิน 300 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับผู้มีสิทธิที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี

(2) วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนดจำนวน 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน

(3) วงเงินค่าโดยสารรถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบบ e-Ticket/รถไฟฟ้า จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน

(4) วงเงินค่าโดยสารรถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน

(5) วงเงินค่าโดยสารรถไฟจำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน

การให้ความช่วยเหลือตามมาตรการข้างต้นใช้แหล่งเงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากภายใต้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2561 ซึ่งผู้มีรายได้น้อย ยังสมควรได้รับความช่วยเหลืออีกระยะหนึ่งจนกว่าจะพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น

รัฐบาลจึงมีนโยบายให้ดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง จึงมีการตั้งงบประมาณจำนวน 40,000 ล้านบาท สำหรับกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์สร้างความมั่นคงและลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจและสังคม

โดยมาตรการข้างต้นเป็นการช่วยเหลืออย่างถูกกลุ่มเป้าหมายและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนประมาณ 11 ล้านคน อีกทั้งทำให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายและช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพอย่างแท้จริง และมิใช่การตั้งวงเงินไว้ใช้สำหรับให้พรรคการเมืองใช้เตรียมพร้อมต่อการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 แต่อย่างใด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :