นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ระบุว่า ในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อสรรหาบุคคลมาเป็น กกต.เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการอภิปรายว่าการลงคะแนนคัดเลือก กกต.ไม่เป็นความลับ ไม่ได้มีการลงคะแนนโดยเปิดเผย ส่วนการประชุมครั้งที่สองเพื่อคัดเลือก กกต.อีก 1 คนเมื่อวันที่ 6 ธันวา��มที่ผ่านมามีการแก้ไขข้อบังคับการประชุมว่า หากมีปัญหาในการประชุมให้ใช้มติจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาแทน ทำให้มีการทักท้วงว่าสมควรใช้บัตรเลือกตั้งที่มีหมายเลขกำกับ เพื่อให้เป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผย จึงมีการขอมติจากที่ประชุมใหญ่ว่าสมควรใช้บัตรเลือกตั้งแบบใดจึงถือเป็นการลงคะแนนแบบเปิดเผย
โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติให้ใช้บัตรลงคะแนนโดยไม่มีหมายเลขกำกับบัตร และไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครลงคะแนนให้แก่ใคร ดังนั้น การคัดเลือก กกต.จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเมื่อมีปัญหาในข้อกฎหมาย ก็เป็นหน้าที่ของประธาน กกต.ในฐานะผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.ที่จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าการคัดเลือก กกต.สายศาลฎีกามีการลงคะแนนโดยเปิดเผยหรือไม่
ขณะที่การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.วันที่ 14 ธันวาคมนี้มีเรื่องด่วนเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอเชื่อให้เป็น กกต. จำนวน 7 คน โดยคณะกรรมาธิการจะต้องตรวจสอบเพื่อเสนอที่ประชุม สนช.เพื่่อให้ความเห็นชอบภายใน 45 วัน
สำหรับรายชื่อผู้ได้รับสรรหาเป็น กกต.ทั้ง 7 คน ประกอบด้วย
- ศ.ดร.เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ
- นายฐากร ตัณฑสิทธิ์
- รศ.ดร. อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์
- นางชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ
- นายประชา เตรัตน์
- นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี
- นายปกรณ์ มหรรณพ