ไม่พบผลการค้นหา
'จาตุรนต์' อัดแผนยุทธ์ศาสตร์ พาประเทศถอยหลัง ด้าน 'ธนาธร' ผุดโรดแมปบันได 3 ขั้น ล้างมรดกคสช. ทำลายวงจรรัฐประหาร

นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายธนาธร จึงรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ร่วมเสวนาในหัวข้อ "อนาคตประชาธิปไตยไทย : ข้ามพ้นกับดัก ความหวัง?" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 

จาตุรนต์ อัดกติกา รธน. - ยุทธศาสตร์ทำประเทศย้อนหลัง 50 ปี

โดยนายจาตุรนต์ ให้ความเห็นว่า รัฐบาลไม่มีความพยายามที่จะสร้างความปรองดอง ซึ่งจุดนี้จะกลายเป็นกับดัก โดยกับดักนี้จะเป็นกับดักประเทศไทยที่จะมีผลต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ซึ่งในอนาคตยังไม่มีหลักประกันว่าจะมีการแก้ไขรวมถึงเงื่อนไขในการแก้ปัญหารัฐประหาร ขณะที่กติกาที่เขียนขึ้นมาในรัฐธรรมนูญ จะนำพาประเทศไทยย้อนหลังไปร่วม 50 ปี แม้ว่าในห้วง 15 ปีที่ผ่านมาการเมืองในประเทศไทยมีการพัฒนาให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกพรรค

"การเลือกตั้งครั้งนี้ คสช. อาจเข้ามาแทรกแซงได้ หมายความว่าผลการเลือกตั้งอาจไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนต้องการ" นายจาตุรนต์ ระบุ

นายจาตุรนต์ ระบุด้วยว่า แผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูป ที่จะมีอายุอย่างน้อย 20 ปี จะกำหนดกติกาให้ คสช. สามารถกลับมาเป็นรัฐบาลได้ ทำให้ประเทศไทยไม่มีการพัฒนาไปสู่ระบอบประชาธิปไตย และภาระเหล่านี้จะตกไปอยู่ที่รุ่นลูกรุ่นหลาน

'อภิสิทธิ์' ชี้ คสช.วางกับดักประเทศผ่านคำสั่ง คสช.

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ มองว่า สิ่งที่เห็นตรงกันคือการนำประเทศไทยกลับเข้าสู่ประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าผู้มีอำนาจได้วางกับดักไว้ แม้ว่าประเทศไทยจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมแล้วก็ตาม แต่กับดักที่เกิดขึ้นคือ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่ง คสช. ที่ห้ามพรรคการเมือง และห้ามประชาชนใช้สิทธิเสรีภาพ จะเป็นอุปสรรคในการก้าวพ้นกับดักนี้ ดังนั้น เสรีนิยมประชาธิปไตย ที่ให้อำนาจประชาชนได้กำหนดอนาคตประเทศจะเป็นคำตอบในการก้าวข้ามกับดักเหล่านี้ได้

"เราต้องมีการจัดเลือกตั้งที่สุจริตเที่ยงธรรม ทุกคนต้องมาเรียนรู้และก้าวข้ามร่วมกัน รักษาสาระและจิตวิญญาณประชาธิปไตยให้ได้" นายอภิสิทธิ์ ระบุ

นายอภิสิทธิ์ เห็นด้วยว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไม่เป็นประชาธิปไตยและควรได้รับการแก้ไข แต่ถ้าก้าวกระโดดไปแก้ไขจะทำให้เราเดินกลับไปสู่กับดัก และนำไปสู่ความขัดแย้ง ดังนั้น ผู้มีอำนาจหลังเลือกตั้งต้องพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีอุปสรรคอย่างไร และต้องเขียนเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่ออำนาจนักการเมือง

'ธนาธร' แนะเลือกพรรคประชาธิปไตยก้าวข้ามรัฐประหาร

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า หลังจากปี 2475 หรือตลอด86 ปี ที่ผ่านมามีเพียง 24 ปี ที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่มาจาการเลือกตั้ง ขณะที่การรัฐประหารที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้นำถูกนำตัวมาลงโทษ จึงเห็นว่ารัฐประหารเมื่อปี 2557 ควรจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะการที่รัฐประหารเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันมีผลอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น ถ้าจะทำให้ประเทศเดินหน้าให้ทันต่างประเทศ ต้องหมุนให้ทันหรือเร็วกว่าต่างประเทศ ไม่ใช่การหยุดอยู่กับที่ที่เกิดจากการทำรัฐประหาร

"ปัจจุบันประเทศไทยไม่เกิดฉันทามติที่เห็นร่วมกันว่าเราต้องแก้รัฐธรรมนูญ โดยมีการทำประชามติ 3 ครั้ง และต้องเป็นการชนะที่เด็ดขาด เพื่อเอาชนะประชามติที่โกงมา 1 ครั้ง วันนี้ประชาชนทุกคนต้องมาร่วมมือกัน เพื่อเลือกพรรคการเมืองที่เชิดชูประชาธิปไตย และก้าวข้ามกับดักในการเดินกลับไปสู่รัฐประหารอีกครั้ง" ธนาธร กล่าว

'ไพบูลย์' รับจุดชนวนรัฐประหาร แต่ไม่อยากให้เกิด ต้องใช้ธรรมาธิปไตย

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป เห็นว่า ภายหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2557 มีโอกาสที่ประเทศไทยจะมีโอกาสในเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอีกมิติ ที่ไม่ใช่แบบเดิมที่มีการเมืองแบบแบ่งขั้วและเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้นควรใช้ธรรมาธิปไตย ในการขับเคลื่อนประเทศ เพื่อนำพาให้พ้นกับดักแบบเดิม แม้ว่าตนจะมีส่วนร่วมในการทำให้เกิดรัฐประหาร แต่ยืนยันว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น

"ถ้ามองว่าผมชื่นชอบรัฐประหาร ชื่นชอบเผด็จการ ท่านจะไม่อยากฟังผม แต่อนาคตถ้าจะก้าวข้าม จะต้องประกอบไปด้วยธรรมาธิปไตย เพื่อไม่ให้สังคมไทยหลังการเลือกตั้ง กลับไปสู่ความขัดแย้ง" ไพบูลย์ กล่าว