เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายบริเวณใจกลางกรุงคาบุลของอัฟกานิสถานเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 95 ราย และบาดเจ็บอีก 158 คน โดยผู้ก่อเหตุได้ขับรถพยาบาลบรรทุกระเบิดผ่านจุดตรวจของตำรวจเข้าไปยังโซน ที่ทำการรัฐบาล สถานทูต โรงพยาบาล และย่านศูนย์การค้า ซึ่งโดยปกติ มีการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ต้องตรวจค้นรถอย่างละเอียด แต่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าจะรีบนำผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาล จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พบระเบิดในจุดตรวจที่ 2 แต่ก็ไม่สามารถหยุดรถได้ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะจุดชนวนระเบิด
กลุ่มตอลิบานได้ออกมาแสดงตัวว่า อยู่เบื้องหลังการโจมตี้ครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายเดือนของกลุ่มตอลิบาน โดยเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เป้าหมายการโจมตีน่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย แต่บริเวณดังกล่าวมีผู้คนเดินพลุกพล่าน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุระเบิดจำนวนมาก
รถพยาบาลเป็นเครื่องมือสังหาร โซนที่ปลอดภัยที่สุดถูกโจมตี
ด้านคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศแสดงความเห็นว่า รถพยายาบาลมีจุดประสงค์เพื่อช่วยชีวิตคน ไม่ใช่ทำลายชีวิตคน การใช้รถพยาบาลในการก่อเหตุถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ไม่อาจยอมรับได้ และไม่มีเหตุผลที่ดีในการสร้างความชอบธรรมให้กับการโจมตีดังกล่าว และการใช้รถพยาบาลก่อเหตุอาจผิดกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยเรื่องมนุษยธรรม
นายนิค พาตัน วอลช์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสของซีเอ็นเอ็นมองว่า การโจมตี้ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการโจมตีครั้งที่ผ่านมาของกลุ่มตอลิบาน เพราะการโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในใจกลางกรุงคาบุลที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาที่สุด จึงอาจทำให้เกิดความสงสัยในใจของประชาชนว่า รัฐบาลอัฟกานิสถานจะสามารถปกป้องประชาชนได้จริงหรือไม่
อัฟกานิสถานเป็นสนามประลองความโหดเหี้ยม
นายพาตัน วอลช์กล่าวว่า การที่กลุ่มตอลิบานรีบออกมาแสดงตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ แตกต่างจากการโจมตีโรงพยาบาลทหารเมื่อเดือนมีนาคมปี 2017 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นแพทย์ และทหารที่บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว ในการโจมตีครั้งนั้น กลุ่มตอลิบานออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช้ฝีมือของตน พร้อมระบุว่า การโจมตีโรงพยาบาลโหดเหี้ยมเกินไปสำหรับกลุ่มตอลิบาน จากนั้น กลุ่มไอเอสก็ออกมาแสดงตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุเอง
ในการโจมตีครั้งนี้ กลุ่มตอลิบานไม่ได้แสดงท่าทีหวาดหวั่นใดๆ กับการใช้รถพยาบาลก่อเหตุ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า กลุ่มตอลิบานไม่ต้องการสูญเสียอิทธิพลของตนไปให้กลุ่มไอเอส ที่เพิ่งเข้าไปในอัฟกานิสถาน แต่โหดเหี้ยมกว่า โดยวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา กลุ่มไอเอสเพิ่งโจมตีสำนักงานขององค์กร Save the Children ของอังกฤษในเมืองจาลาลาบัดไป ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 รายและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
ปฏิกิริยาของรัฐบาลและต่างชาติ
รัฐบาลอัฟกานิสถานออกมาประณามเหตุระเบิดฆ่าตัวตายว่าเป็นอาชญากรรมต่อมนุยชาติ และกล่าวหาว่า ปากีสถานให้การสนับสนุนกลุ่มตอลิบาน แต่ปากีสถานออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีการจัดการกับกลุ่มตอลิบานอย่างเด็ดเดี่ยว พร้อมประณามเหตุคาร์บอมบ์ในกรุงคาบุล ที่ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บนับร้อยคน แต่ความโหดร้ายของกลุ่มตอลิบานจะไม่มีวันชนะ สหรัฐฯ จะปกป้องอัฟกานิสถานให้พ้นภัยก่อการร้ายที่ตั้งเป้าโจมตีชาวอเมริกัน พันธมิตร และใครก็ตามที่ไม่ได้มีแนวคิดชั่วร้ายเหมือนกับคนเหล่านั้น