ไม่พบผลการค้นหา
'ธนวัฒน์ วันสม' อดีตผู้ได้รับสิทธิ์จัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ที่ประเทศไทย แจงเหตุถูกตัดสิทธิ์จัดประกวด ลั่นพร้อมดำเนินการทางกฎหมายกับอดีตหุ้นส่วนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ฐานไม่จ่ายเงินตามที่ตกลงเป็นเหตุให้เสียชื่อเสียง และเงินกว่า 100 ล้าน เผยว่า พร้อมเมื่อไหร่ก็จะฟ้องทันที

ดราม่าผู้จัดมิสยูนิเวิร์สยังไม่จบ หลังมีเหตุการณ์เปลี่ยนมือผู้จัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 ที่ประเทศไทยได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพ ย้อนความไปแต่เดิมผู้ได้รับสิทธิ์การจัดประกวดคนแรกคือ นาย ธนวัฒน์ วันสม ประธานบริษัททีดับบลิวอินเวสเมนท์กรุ๊ป หลังจากนั้นไร้วี่แววและความเคลื่อนไหว จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา นาย สมชาย ชีวสุทธานนท์ หรือ ตี๋ แมทชิ่ง อดีตพาร์ทเนอร์เก่า จัดงานแถลงข่าวในฐานะผู้ถือสิทธิ์การประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 แทน โดยบริษัท ทีพีเอ็น 2018 จำกัด ในขณะเดียวกันนาย ธนวัฒน์ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงสื่อมวลชน ถึงสาเหตุการไม่ได้เป็นผู้จัดต่อ เนื่องจากมีอดีตพาร์ทเนอร์ไม่ยอมจ่ายเงินตามที่ตกลงกันไว้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา นาย ธนวัฒน์ อดีตผู้ได้รับสิทธิ์ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ชี้แจงประเด็นเพิ่มเติม จุดประสงค์คือต้องการให้ข้อมูลและทราบถึงความคืบหน้าการดำเนินการทางด้านกฏหมายกับหุ้นส่วนเดิมและผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประเด็นปัญหาหนึ่งคือการสร้างบรรทัดฐานที่ดีในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะการที่เราได้สิทธิ์ในการทำสิ่งที่ดีระดับโลกในประเทศ การสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศเป็นสิ่งที่ตนตระหนักดีและตั้งใจ

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า การที่อดีตหุ้นส่วนบางคนเอาเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง และฉกฉวยโอกาสไปทำผลประโยชน์ของตัวเองเป็นผลประโยชน์ให้กับบริษัทเขา ทั้งที่เป็นโครงการใหญ่และเป็นโครงการที่จะเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ตรงนี้คิดว่าเป็นจริยธรรมในการทำธุรกิจที่ไม่ถูกต้อง ถึงแม้วันนี้ตัวเองจะเสียใจต่อการถูกยกเลิกสิทธิ์ แต่ก็อยากบอกว่ายังคงยืนหยัดบนความถูกต้อง ตั้งใจในการทำธุรกิจที่ดีเพื่อประเทศชาติต่อไป

หลังจากนั้นนายธนวัฒน์ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเพิ่มเติม โดยประเด็นหลักๆ คือสาเหตุที่ไม่ได้จัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สต่อ

โดยนายธนวัฒน์ ชี้แจงว่าเป็นการตกลงกันกับอดีตหุ้นส่วน ในการระดมทุนร่วมกัน โดยเงินที่ต้องจ่ายให้กับองค์กรมิสยูนิเวิร์สมีหลายงวด มีส่วนหนึ่งที่ตนจ่ายไปแล้ว แต่พอถึงเวลาอดีตหุ้นส่วนไม่ได้ดำเนินการตามเงื่อนไข พอมีผลกระทบทางสัญญา ก็ไปดำเนินการจัดตั้งอีกบริษัทหนึ่ง เพื่อดำเนินการต่อ

ส่งผลให้มีเงินหลักร้อยล้านที่เสียไป ดังนั้น ตนจะใช้สิทธิ์เต็มที่ในการดำเนินการกฎหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการทางกฎหมาย โดยจะยื่นฟ้องเร็วๆ นี้ และเชื่อว่ามีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะชนะคดี แต่หากหาข้อยุติ หรือ ไกล่เกลี่ยกันได้ นายธนวัฒน์ก็ยินดี เนื่องจากไม่อยากให้เรื่องราวยืดเยื้อ ซึ่งตอนนี้เงินที่นายธนวัฒน์จ่ายให้กองประกวดไป ยังไม่ได้คืนแม้แต่บาทเดียว

พร้อมกับยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยระแคะระคายเลยว่าอดีตหุ้นส่วนจะทำแบบนี้ เพราะเขาค่อนข้างเชื่อใจ “ผมคิดว่าการทำธุรกิจ เราต้องยืนอยู่บนความเชื่อใจกันอยู่แล้ว ก่อนที่จะตกลงทำธุรกิจร่วมกัน อันนี้ฝั่งผมยอมรับว่ามีความเชื่อใจ ถ้าในกระบวนการที่ฉวยโอกาส มันก็เป็นไปได้” และยังกล่าวเสริมอีกว่า ได้มีการสื่อสารกันตลอด โดยบอกอดีตพาร์ทเนอร์ให้รับทราบทุกรายละเอียด ส่วนที่ทำไมเขาถึงไม่ทำตามสัญญาที่ระบุไว้คงต้องไปถามเขา ส่วนในประเด็นที่มีปัญหาตนไม่อยากพูดเยอะเพราะจะมีผลต่อรูปคดี เป็นข้อมูลเชิงธุรกิจ

"เรื่องฟ้องร้องผมเตรียมใช้สิทธิ์เต็มที่ แต่ขอเก็บไว้เป็นข้อมูลทางด้านกฎหมาย ที่ผ่านมาผมกับอดีตหุ้นส่วนเราไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน เดิมทีเขาติดต่อขอให้ผมมาช่วยดำเนินการเจรจาเรื่องลิขสิทธิ์ หลังจากนั้นก็ตกลงที่จะทำงานร่วมกัน ... ซึ่งในด้านการดำเนินคดีก็ขึ้นอยู่กับทนาย ความพร้อมของทนายช้าเร็วแค่ไหน ด้านหลักฐานมีอยู่แล้วแต่แรก โอกาสชนะคดีทนายให้เปอร์เซ็นต์ค่อนข้างสูง ตอนนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสาร ไม่ได้รอเวลา เพราะการดำเนินการด้านเอกสารมีความละเอียดอ่อนพอสมควร" นาย ธนวัฒน์ กล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: