เศรษฐกิจ
ราคาทองโลกพุ่งต่อ สะท้อนนักลงทุนมอง FED พร้อมอัดฉีดเพิ่ม
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานราคาทองคำโลกที่มีการซื้อขายจริง (spot gold) ณ เวลา 00.30 น.ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (GMT) ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง ต่ำกว่าระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ราคาทองคำราว 3 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 94.55 บาท เท่านั้น
ราคา spot gold ณ เวลาดังกล่าว ซื้อขายกันที่ระดับ 1,916.91 ดอลลาร์สหรัฐฯ (60,401.83 บาท) / ออนซ์ ต่ำกว่าระดับประวัติศาสตร์ที่เคยมีการซื้อขายกันในระดับ 1,920.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ (60,508.65 บาท) / ออนซ์ ในเดือน พ.ย.ปี 2554 เพียง 3.39 ดอลลาร์สหรัฐฯ (106.82 บาท) เท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน ราคาทองคำที่ซื้อขายกันในอนาคตขยับขึ้นร้อยละ 0.8 มาอยู่ที่ 1,913.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (60,294.39 บาท) / ออนซ์
ด้านราคาทองคำในประเทศไทย ตามข้อมูลจากสมาคมทองคำ พบว่า ณ เวลา 12.28 น.ของวันที่ 27 ก.ค.นี้ ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ราคาบาทละ 28,750 บาท และรับซื้อที่บาทละ 28,650 บาท ขณะที่ราคาทองคำรูปพรรณ ขายออกที่บาทละ 29,250 บาท
ล่าสุด ปริมาณการซื้อขายทองคำตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเลยระดับที่เคยทำเอาไว้ในปี 2552 ไปแล้ว ด้วยการซื้อขายรวมกว่า 3,300 ตัน ทั่วโลก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีปัจจัยสำคัญมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องและแตะจุดต่ำสุดในรอบปีไปแล้ว ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ
นักลงทุนยังมองว่า ธนาคารกลางของสหรัฐฯ (Fed) จะต้องอัดฉีดมาตรการเพิ่มเติมเข้ามาในระบบในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้
เมื่อพิจารณาร่วมกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และระดับอัตราดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรที่ต่ำลงมาก นายเกวิน เว็นดต์ นักวิเคระห์อาวุโสจาก MineLife Pty ชี้ว่า แนวโน้มราคาที่เพิ่มสูงของทองจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้วาณิชธนกิจรายใหญ่ของโลกอย่าง โกลด์แมน แซคส์ ออกมาประเมินว่าราคาทองคำจะขึ้นไปแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (63,060 บาท) / ออนซ์ ภายใน 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่กลุ่มบริษัทซิตี้ มองว่าราคาทองคำโดยรวมอาจพุ่งขึ้นร้อยละ 30 ภายในสิ้นปี 2563
การลงทุนมีความเสี่ยง
นายซูกิ คูเปอร์ หัวหน้าทีมวิจัยโลหะมีมูลค่า (precious-metals) จากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดในนิวยอร์กชี้ว่า แม้ที่ผ่านมา ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ความเสี่ยงจากการลงทุนยังมีในหลายการณี อาทิ ระดับอัตราดอกเบี้ยที่อาจไม่ทรงตัวต่ำยาวนานเท่าที่นักลงทุนคาดการณ์
นอกจากนี้ อาจเกิดความเสี่ยงเช่นเดียวกับช่วงต้นทศวรรษ 80 ที่ราคาทองคำในปี 2523 อยู่ที่ 850 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26,792 บาท) / ออนซ์ ก่อนจะตกลงมากว่าครึ่งในปลายปีต่อมา ลงมาเหลือ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ (12,608 บาท) / ออนซ์ เท่านั้น ซึ่งคูเปอร์ชี้ว่าเป็นเพราะเงินที่เข้ามาลงทุนในทอง ณ ปัจจุบัน และในอดีต เป็น 'เงินร้อน' ที่มีความไม่แน่นอนสูงและส่งให้เกิดความผันผวนต่อราคาทองได้
นายเจสัน ซเวจ นักข่าวเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล ปิดท้ายว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันการถือทองในฐานะสินทรัพย์ประเภทหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทองเป็นเพียงหลักประกันต่อความเสี่ยงไม่ใช่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ในทางกลับกัน ผู้ที่กำลังพยายามซื้อทองในปริมาณมากจากราคาและความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้น อาจต้องเผชิญความเสี่ยงสูงที่จะไม่ได้ผลตอบแทนอย่างที่หวังไว้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง;
