วันนี้ (9 ส.ค.) ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายวิรพล สุขผล หรือ อดีตหลวงปู่เณรคำ เป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
กรณีระหว่างวันที่ 17 ก.พ. 2552 - 27 มิ.ย. 2556 ต่อเนื่องกัน จำเลยอาศัยความเป็นพระภิกษุ ในฐานะประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีษะเกษ และความศรัทธาของประชาชน ได้หลอกลวงว่า จำเลยมีนิมิตพบองค์อินทร์ ขอให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลกและสร้างมหาวิหารครอบองค์พระ โดยใช้หยกเขียวแท้จากอิตาลี และสร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดูจากทองคำแท้ และก่อสร้างวิหารแก้ว 199 ต้น ต้นละ 3 แสนบาท รูปหล่อพระทองคำ ก่อสร้างวิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าฯ สาขา 1 จ.อุบลราชธานี สร้างวัดที่ จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งการจัดซื้อจากสหรัฐฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจำเลยประกาศชักชวนให้ประชาชนนำเงิน ทอง และทรัพย์สินมาบริจาคกับจำเลย ที่วัดป่าขันติธรรม
นอกจากนี้จำเลยยังได้ใช้เว็บไซต์ “www Luangpunenkham.com เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการจัดสร้างสิ่งต่าง ๆ จนมีผู้เสียหาย 29 ราย (เฉพาะที่มาร้องทุกข์ )หลงเชื่อว่า จำเลยเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เข้าร่วมบริจาคเงินและทรัพย์สินต่าง ๆ ก่อนที่ภายหลังจะพบว่า จำเลยได้นำเงินที่ได้จากการบริจาคไปซื้อรถยนต์หรู อีกทั้งใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การอวดอ้างนิมิตรถึงพระอินทร์แล้วหลอกประชาชนให้หลงเชื่อ แล้วนำเงินที่ได้จากการบริจาคไปซื้อรถหรูหลายสิบคัน รวมทั้งใช้เงินเกินความจำเป็นความเป็นสงฆ์ กระทั่งจำเลยถูกศาลแพ่งริบทรัพย์ 43,478,992 บาท ฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยนั้นผิดตามฟ้อง ซึ่งการกนะทำของจำเลยเป็นความปิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกรรมเป็นกระทงความผิดไป จึงพิพากษาให้จำคุกฐานฉ้อโกงประชาชน มาตรา 343 รวม 29 กระทงๆ ละ 3 ปี รวม 87 ปี , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ม.14(1) เป็นเวลา 3 ปี และความผิดฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 รวม 12 กระทงๆ ละ 2 ปี เป็นจำคุก 24 ปี โดยรวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 114 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จำคุกสูงสุดตามกฎหมาย ม.91(2) แล้วได้ 20 ปี และให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหายกับ 29 ราย ตามจำนวนที่ได้ฉ้อโกงไป ส่วนที่อัยการโจทก์ให้นำโทษตต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.2340/2560 ที่ถูกฟ้องกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญายังไม่มีคำพิพากษาในขณะนี้จึงให้ยกคำขอนับโทษต่อ สำหรับคดีชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญาจะนัดพิพากษาใน เดือน ต.ค. นี้