ไม่พบผลการค้นหา
สวนดุสิตโพล เผยประชาชนต้องการให้นายกรัฐมนตรีพัฒนาเศรษฐกิจให้อยู่ดีกินดี บริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้า มั่นคง และทำตามสัญญา มีการเลือกตั้ง

วันนี้ (31 ธ.ค.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิตเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อความต้องการในปี 2561 เพื่อทราบว่าประชาชนอยากได้อะไรจากบุคคลสำคัญในบ้านเมือง จำนวน 1,143 คน พบว่า สิ่งที่อยากได้จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 55.65 พัฒนาเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ร้อยละ 25.30 บริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้า มั่นคง และร้อยละ 23.51 ทำตามสัญญา มีการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่าสิ่งที่อยากได้จากนายธนาคารพบว่า ร้อยละ 68.75 ลดดอกเบี้ยเงินกู้ เพิ่มดอกเบี้ยเงินฝาก ร้อยละ 24.50 ปล่อยกู้ง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ให้โอกาสคนจน และร้อยละ 18.75 ไม่เอาเปรียบ ยุติธรรม มีจรรยาบรรณ

สิ่งที่อยากได้จาก ดารา นักแสดง ร้อยละ 62.50 มีผลงานดีๆ ออกมาให้ดู ร้อยละ 33.09 เป็นแบบอย่างที่ดี ช่วยเหลือสังคม และร้อยละ 25.74 พัฒนาวงการบันเทิงให้มีคุณภาพ สร้างสรรค์

สิ่งที่อยากได้จาก นักกีฬา ร้อยละ 58.47 คว้าชัยชนะ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ร้อยละ 40.58 เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน มีน้ำใจนักกีฬา และร้อยละ 26.84 ชวนให้คนไทยออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ

สิ่งที่อยากได้จาก คนไทยด้วยกัน ร้อยละ 71.40 สามัคคี มีน้ำใจ ช่วยเหลือกัน ร้อยละ 35.70 ทำความดี ทำเพื่อส่วนรวม เห็นแก่บ้านเมือง และร้อยละ 21.97 มีระเบียบวินัย เคารพกฏหมาย

และสิ่งที่อยากทำให้กับประเทศในปี 2561 ร้อยละ 59.09 เป็นคนดี ทำตามรอยพ่อ ร้อยละ 52.06 สร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ รักและสามัคคีกัน และร้อยละ 28.68 ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น

พบร้องเรียนปัญหาจากเสียงดังรบกวนมากที่สุด

ขณะเดียวกันนายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสถิตข้อมูลของประชาชนที่มาร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ศูนย์บริการประชาชนในรอบ 1 ปี ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-28 ธ.ค.60 พบว่ามีประชาชามาร้องเรียนทั้งสิ้น 156,424 ครั้ง รวม 90,606 เรื่อง ซึ่งมาจากประชาชนรายย่อย 90,353 ราย และกลุ่มมวลชน 253 กลุ่ม โดยสามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้วจำนวน 80,984 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 89.38 และอยู่ระหว่างดำเนิน��าร 9,622 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 10.62 โดยแบ่งเป็นประเภทเรื่อง

1. สังคมและสวัสดิการ จำนวน 51,045 เรื่อง หรือ 56.34 เปอร์เซ็นต์

2.การเมืองการปกครอง จำนวน 11,046 เรื่อง หรือ 12.19 เปอร์เซ็นต์

3.การร้องเรียนกล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 9,717 เรื่อง หรือ10.72 เปอร์เซ็นต์

4.เศรษฐกิจ จำนวน 8,232 เรื่อง หรือ 9.09 เปอร์เซ็นต์

5.กฎหมาย จำนวน 7,333 เรื่อง หรือ 8.09 เปอร์เซ็นต์

6.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 3,111 เรื่อง หรือ 3.43 เปอร์เซ็นต์ และ

7.พ.ร.บ.อำนวยความสะดวก จำนวน 122 เรื่อง หรือ 0.13 เปอร์เซ็นต์

นายสมพาศ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดในปี 2560 พบว่า 3 อันดับแรก คือ เหตุเดือดร้อนรำคาญใจโดยเฉพาะปัญหาจากเสียงดังรบกวน เนื่องจากการเปิดเพลงเสียงดังของร้านจำหน่ายอาหาร สุรา และการมั่วสุมแข่งรถจักรยานยนต์ของกลุ่มวัยรุ่น เป็นต้น

รองลงมา คือ ผลกระทบจากนโยบายและโครงการของรัฐโดยเฉพาะประเด็นการขอให้ขยายระยะเวลาลงทะเบียนร้านค้า รวมถึงขอให้นำค่าใช้จ่ายในบัตรที่ได้รับเปลี่ยนเป็นเงินสด และขอให้มีเครื่องรูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น และสุดท้าย คือเรื่องไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม ประชาชนเข้าร้องเรียนผลกระทบจากนโยบายและโครงการของรัฐถึง 6,489 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ 787 เรื่อง และยุติแล้ว 5,702 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 7.16 ขณะที่ปัญหายาเสพติดจำนวน 3,745 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ 70 เรื่อง และยุติแล้ว 3,675 เรื่องคิดเป็นร้อยละ 4.13 และปัญหาบ่อนการพนัน จำนวน3,361 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการ 71 เรื่อง และยุติแล้ว 3,290 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 3.71.