นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่าเขาได้แจ้งให้นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯทราบแล้วว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือพร้อมเปิดการเจรจาทางตรงกับสหรัฐฯ เพื่อให้สหรัฐฯรับรองว่าจะไม่มีการโจมตีเกาหลีเหนือ และรัสเซียพร้อมที่จะเป็นคนกลางในการจัดการเจรจาคลี่คลายความขัดแย้งด้านนิวเคลียร์ระหว่าง 2 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีท่าทีใดๆออกมาจากทางการสหรัฐฯต่อข้อเสนอนี้ แต่ก่อนหน้านี้รัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่าหากจะเข้าสู่การเจรจา เกาหลีเหนือต้องระงับโครงการพัฒนานิวเคลียร์ก่อนเท่านั้น
ขณะเดียวกัน นายเจฟฟรีย์ เฟลท์แมน รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายการเมือง ซึ่งเพิ่งกลับจากการเดินทางเยือนเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการ กล่าวว่าสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่สุดในการหลีกเลี่ยงสงครามที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ คือการเร่งเปิดช่องทางการเจรจา เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและกรประเมินสถานการณ์คลาดเคลื่อนจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนระหว่างเกาหลีเหนือกับประชาคมโลก
นายเฟลท์แมนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดที่เยือนเกาหลีเหนือในรอบ 5 ปี เขาเป็นนักการทูตชาวอเมริกันและเคยทำงานให้กับรัฐบาลของนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯยืนยันว่าในการเยือนเกาหลีเหนือครั้งนี้ เขาไม่ได้นำสารใดๆจากรัฐบาลสหรัฐฯไปยังเกาหลีเหนือ
สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีที่ตึงเครียดมาตลอดปีนี้ ยกระดับขึ้นสูงสุดเมื่อเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเป็นขีปนาวุธที่มีศักยภาพสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการทดสอบ ทำให้นักวิเคราะห์ยอมรับว่าขณะนี้เกาหลีเหนือได้เป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ และมีศักยภาพในการโจมตีแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯได้ทุกพื้นที่
ทั้งนี้ ในปี 1994 สหรัฐฯเคยประเมินว่าหากต้องทำสงครามกับเกาหลีเหนือจริง จะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน แต่จะมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมหาศาล โดยคาดว่าทหารอเมริกัน 52,000 นาย และทหารเกาหลีใต้ 490,000 นายจะเสียชีวิตภายใน 3 เดือนแรกของการสู้รบ