กุ้ยช่งหยู เอกอัครราชทูตจีนประจำสวีเดน เป็นตัวแทนรัฐบาลจีน แถลงเรียกร้องรัฐบาลสวีเดนขอโทษกรณีตำรวจในสวีเดนกระทำการเข้าข่าย 'ละเมิดสิทธิมนุษยชน' เป็นเหตุให้พลเรือนจีนเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต โดยอ้างถึงกรณีชาวจีน 3 คน แบ่งเป็น ชายวัยกลางคน 1 ราย ชายสูงอายุ 1 ราย และหญิงสูงอายุ 1 ราย ซึ่งทางการจีนระบุว่าทั้งหมดเป็นครอบครัวเดียวกัน ถูกตำรวจนำตัวออกจากโรงแรมขนาดเล็กประเภทโฮสเทล ช่วงเช้าราว 3.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา
เว็บไซต์ CGTN สื่อของรัฐบาลจีน รายงานว่า ชายชาวจีน นามสกุล 'เฉิง' หนึ่งในสามของชาวจีนที่ประสบเหตุดังกล่าว เผยแพร่วิดีโอผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของจีน เป็นภาพบันทึกเหตุการณ์ในขณะที่ทั้งหมดถูกตำรวจสวีเดนนำตัวออกจากโฮสเทลในกรุงสตอกโฮล์ม โดยคำบรรยายในสื่อออนไลน์ระบุว่า พ่อและแม่ของเขาซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ถูก 'ลากตัว' จากล็อบบี ทำให้มีรอยแผลฟกช้ำ
วิดีโอดังกล่าวแสดงให้เห็นชายและหญิงชาวจีนสูงวัยทิ้งตัวลงนอนและนั่งอยู่ริมถนน โดยฝ่ายหญิงได้ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือเป็นภาษาจีน ส่วนชายอีกคนหนึ่งร้องตะโกนเป็นภาษาอังกฤษว่า 'This is killing. This is killing' โดยมีตำรวจสวีเดนหลายนายยืนล้อมดูเหตุการณ์โดยไม่พูดอะไร
เว็บไซต์เดอะเทเลกราฟรายงานเพิ่มเติมวันนี้ (18 ก.ย.) ว่า กลุ่มชาวจีนถูกปฏิเสธจากโฮสเทล ไม่ให้นั่งรอที่ล็อบบี เนื่องจากทั้งหมดเดินทางมาถึงที่พักในเวลา 02.00 น. ก่อนเวลาเช็กอินที่ครอบครัวดังกล่าวจองเอาไว้เกือบ 24 ชั่วโมง โดยชายอายุน้อยที่สุดในกลุ่มให้เหตุผลว่า เขาขอร้องทางโรงแรมให้อนุญาตให้พ่อและแม่ของเขาพักอยู่ในล็อบบีจนกว่าจะถึงเวลาที่สามารถเข้าห้องพักได้ แต่ทางโรงแรมไม่ยอม ทั้งยังโทรเรียกตำรวจให้มาจัดการ
สมาชิกครอบครัวเฉิงเล่าว่า ตำรวจสวีเดนใช้กำลังนำตัวพ่อและแม่เขาออกมา และหลังจากเหตุการณ์ที่ปรากฎในวิดีโอ ตำรวจได้นำตัวทุกคนขึ้นรถและพาไปปล่อยให้ลงใกล้กับสุสานแห่งหนึ่งในย่านดาวน์ทาวน์ กรุงสตอกโฮล์ม
รัฐบาลสวีเดนเปิดเผยว่าได้รับจดหมายร้องเรียนจากสถานทูตจีนประจำสวีเดนจริง ลงวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่าการกระทำของตำรวจสวีเดน เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งยังทำให้พลเรือนจีนเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต แต่กลับไม่มีการขอโทษใดๆ จากทางตำรวจสวีเดน และยืนยันว่านักท่องเที่ยวจีนทั้ง 3 คนไม่ได้ก่อเหตุใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมายสวีเดน
อย่างไรก็ตาม ทางการสวีเดนยืนยันเช่นกันว่า จะไม่มีการดำเนินคดีหรือลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
ทางด้านเดอะวอชิงตันโพสต์ สื่อของสหรัฐฯ รายงานอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของผู้จัดการโฮสเทลที่เผยแพร่ในสื่อของสวีเดน Aftonbladet ระบุว่า พนักงานโรงแรมได้ชี้แจงว่าห้องพักยังไม่ว่าง เนื่องจากครอบครัวดังกล่าวมาถึงก่อนเวลาหลายชั่วโมง แต่ชายชาวจีนเริ่มใช้ถ้อยคำรุนแรงกล่าวหาและข่มขู่พนักงานในโฮสเทล จึงจำเป็นต้องเรียกตำรวจให้มาจัดการ เพราะไม่อาจปล่อยให้พนักงานและแขกผู้เข้าพักคนอื่นๆ ต้องเผชิญกับสถานการณ์คุกคามได้
คำกล่าวของโฮสเทลขัดแย้งกับคำให้การของครอบครัวนายเฉิงที่ระบุว่าเขาเพียงแต่ขอให้ทางโฮสเทลอนุญาตให้พ่อและแม่ของเขา ซึ่งมีปัญหาสุขภาพและแก่แล้ว รออยู่ในล็อบบีเท่านั้น แต่กลับมีการแจ้งตำรวจให้บังคับนำตัวพวกเขาออกจากโรงแรม
(ตำรวจฮ่องกงยืนหน้าโปสเตอร์เรียกร้องจีนปล่อยตัวกุ้ยหมินไห่ (ซ้าย) ผู้ถือสัญชาติสวีเดน)
อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศหลายสำนัก รวมถึงรอยเตอร์ รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่เป็นนักการทูตในสวีเดน ระบุว่า การยื่นจดหมายร้องเรียนสวีเดนของทางการจีน เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่สวีเดนให้การต้อนรับ 'ดาไล ลามะ' ผู้นำจิตวิญญาณชาวทิเบตพลัดถิ่น ซึ่งทางการจีนกล่าวหาว่าเป็นผู้นำการแบ่งแยกดินแดนทิเบตของจีน จึงมองว่าการที่จีนกล่าวหารัฐบาลสวีเดนละเมิดสิทธิมนุษยชน อาจมีแรงจูงใจทางการเมืองระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลสวีเดนได้แถลงกดดันให้รัฐบาลจีนดำเนินเรื่องปล่อยตัว 'กุ้ยหมินไห่' ชายชาวจีนที่ได้รับสัญชาติสวีเดน และเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ในฮ่องกงที่ตีพิมพ์หนังสือวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำจีน โดยกุ้ยถูกลักพาตัวหายไปขณะที่เขาพำนักอยู่ในประเทศไทยเมื่อปี 2558 ก่อนจะไปปรากฏตัวที่จีนแผ่นดินใหญ่เมื่อปี 2559 และถูกควบคุมตัวอยู่ที่จีนมาจนถึงปัจจุบัน
กุ้ย ถูกตั้งข้อหาว่ากระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลจีน และเขาถูกนำตัวมาสารภาพความผิดผ่านรายการโทรทัศน์จีน โดยเขากล่าวว่าต้องการสละสัญชาติสวีเดน แต่ลูกสาวของกุ้ยระบุว่าพ่อของเธอน่าจะถูกบังคับให้พูดเช่นนั้น
ทั้งสองกรณีบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าทั้งสองรัฐบาลมีกรณีพิพาทกันอยู่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: