ไม่พบผลการค้นหา
'เอกชัย อิสระทะ' โพสต์เฟซบุ๊กประกาศลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคสามัญชน หลังถูกวิจารณ์กรณีเคลื่อนไหวร่วมกับ กปปส. ยืนยันยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย

นายเอกชัย อิสระทะ โพสต์แถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง "ขอลาออกจากตำแหน่ง ว่าที่รองหัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรคสามัญชน" ภายหลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากออกเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงการชุมทางการเมืองปี 2556-2557 โดยระบุในเฟซบุ๊ก ว่า ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณกัลยาณมิตรหลายท่านที่ได้ชวนมาร่วมงานกับพรรคสามัญชน เมื่อเดือนมีนาคม 2561 ด้วยความตั้งใจที่จะมีพรรคของคนชายขอบที่จะกำหนดอนาคตตนเอง ผมและพี่น้องทีมงานเขาคูหา อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ได้รับทราบเรื่องราวความเป็นมา หลักการ อุดมการณ์ของพรรค "ประชาธิปไตยฐานราก สิทธิมนุษยชน เท่าเทียมเป็นธรรม"

รวมถึงกลุ่มเพื่อนมิตรหลายกลุ่ม หลายเครือข่ายที่ได้เคยร่วมงานกันมา ก็เข้ามาร่วมก่อตั้งพรรคสามัญชน ทั้งเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่, เครือข่ายเดิน We Walk กรุงเทพ-ขอนแก่น จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคฯ และร่วมจัดเวทีคาราวานสามัญชนในพื้นที่ภาคใต้ขึ้นในวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 ถัดจากนั้นก็ได้เข้าไปร่วมพูดคุย ประชุมกันในฐานะผู้ปฏิบัติงานของพรรคหลายครั้งจนถึงงานสมัชชาพรรคฯ ที่ จ.เลย ในวันที่ 22 กันยายน 2561

ก่อนหน้าสมัชชาฯ มีกระบวนการสรรหากรรมการพรรคฯ ซึ่งผมเองไม่ได้มีความประสงค์จะดำรงตำแหน่งสำคัญของพรรคใดๆ ด้วยเหตุที่ภาคใต้ยังพึ่งเริ่มต้น และผมเองก็ยังไม่ได้หารือเรื่องนี้กับภาคีเครือข่ายในภาคใต้อย่างเป็นทางการ ซึ่งในวงประชุมผู้ปฏิบัติงานคงยืนยันสิ่งที่ผมบอกนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตามผมเองก็ไม่ได้ยืนยันเรื่องนี้ต่อ อีกทั้งไม่ได้ร่วมประชุมเตรียมงานสมัชชาฯในวันที่ 21 กันยายน 2561 ซึ่งในวันนั้นมีข้อเสนอ เรื่องตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 4 คน ที่มาจาก 4 ภาค และในที่ประชุมสมัชชาพรรคฯ ผมเองก็ไม่ได้โต้แย้งข้อเสนอดังกล่าว ปล่อยให้กระบวนการเลือกตั้งดำเนินการไป เพียงเพราะคิดว่า หากจะต้องทำเช่นนั้นแล้วช่วยให้พรรคสามารถดำเนินภารกิจไปได้ ก็พร้อมที่จะเป็นแรงกำลังหนึ่งที่จะมาช่วยกันขับเคลื่อนภารกิจพรรคในพื้นที่ภาคใต้ได้

นายเอกชัย ระบุเพิ่มเติมว่า หากแต่หลังจากเวทีสมัชชาพรรคฯ ผมได้ทราบว่ามีเพื่อนสมาชิกจำนวนหนึ่ง ยังมีข้อกังขาต่อภูมิหลังของผม กับการรับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคฯ ในลักษณะที่ไม่ยอมรับ ซึ่งผมเองได้ออกแถลงการณ์อธิบายและแสดงรู้สึกต่อข้อค้างคาใจนั้นไปแล้ว หากแต่ยังคงพบว่าหลายท่านก็ยังไม่สบายใจต่อเนื้อหา ในแถลงการณ์ดังกล่าว ซึ่งอาจจะมีข้อผิดพลาดของลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผมพร้อมยอมรับและคงไม่แก้ต่างใดๆ ในโอกาสเดียวกันนั้นทางพรรคก็ได้แสดงความรับผิดชอบ

โดยการออกแถลงการณ์แสดงท่าทีของพรรค พร้อมกับได้กล่าวตำหนิผมต่อเรื่องนี้ไปแล้ว ในวันที่ 28 กันยายน 2561 ทางสื่อออนไลน์ และจากการพูดคุยในกลุ่มกัลยาณมิตร ผมรับรู้ และทราบถึงความห่วง กังวนที่มีต่อผมในเรื่องนี้ บ้างก็อยากให้อดทนเพื่อดำเนินภารกิจของพรรคให้ไปต่อได้ และบ้างก็อยากให้ผมถอนตัวจากพรรค ซึ่งผมได้ใช้เวลาใคร่ครวญระยะเวลาหนึ่งแล้ว มีบทสรุปว่า

1. ผมพร้อมที่จะยอมรับความคิดเห็นของทุกฝ่ายทั้งคนที่ให้กำลังใจ และคนที่ยังสงสัยต่อแนวทาง หรืออุดมการณ์ทางการเมืองของผม หากแต่การสื่อสารในโลกออนไลน์มักเป็นไปตามความคิดอ่าน ความรู้สึกตามปรากฏการณ์ ซึ่งเราอาจจะยังไม่รู้จักกันดีพอที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมิตรสหายได้อย่างที่ควรจะเป็น

2. ผมจะน้อมรับความคิดเห็นของมวลมิตรทั้งหลาย ที่ตักเตือน ให้สติ และให้กำลังใจกันอย่างมีมิตรไมตรี ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนที่เปิดกว้างทางความคิด และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนกับทุกท่านในทุกโอกาส หากจะนำไปสู่ประโยชน์ที่ดีกว่าต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง

3. ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ผ่านมาของผม ความจริงที่ต้องยอมรับคือ เรามีชุดความคิด และชุดวิเคราะห์ และสถานการณ์รอบข้างที่แตกต่างกัน อันยากที่จะทำความเข้าใจต่อกัน

"อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวของผม ขอยืนยันอีกครั้งว่า ผมยังเป็นผู้ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง ยังเชื่อและเข้าใจอยู่เสมอว่า การออกมาเรียกร้องทางการเมืองของประชาชนนั้น ก็คือส่วนหนึ่งของวิถีประชาธิปไตยที่พึงกระทำได้ และผมก็ไม่เชื่อว่าคนเหล่านั้นมุ่งหมายที่จะทำลายหรือทำร้ายระบอบประชาธิปไตยของประเทศนี้แต่อย่างใด ซึ่งผมและเพื่อนมิตรที่ร่วมเคลื่อนไหวในภาคใต้ส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้มีเจตจำนงจะให้ฝ่ายทหารทำการรัฐประหาร"

ผมก็ทราบดีว่าเรื่องนี้มันยากที่จะอธิบาย แต่กระนั้นก็ตามพวกเราทั้งหลายในภาคใต้ ก็ถูกกล่าวหาแบบเหมาเข่งไปแล้วอย่างไร้ความเป็นธรรม และบ้างก็ผลักใสว่าพวกเราสมคบคิดกับพวกเผด็จการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมยอมรับได้ยาก และคงต้องรอกาลเวลาให้พิสูจน์ตัวเอง

4. การอยู่ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรคต่อไป คงไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย ซึ่งผมตระหนักดีว่าสภาพการเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับพรรคสามัญชนที่เพิ่งเริ่มก่อร่างสร้างตัวเพื่อเป็นสถาบันทางการเมืองที่จะเป็นที่พึ่งของสังคมไทยในอนาคตภายหน้า

โอกาสนี้ ผมต้องขออภัยไปยังสมาชิกพรรคสามัญชนทุกท่าน ที่ได้ไว้วางใจในการเข้ามาทำงานให้กับพรรค ขอให้กำลังใจสมาชิกพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคฯ ที่จะต้องดำเนินภารกิจของพรรคต่อไปอย่างแข็งขัน เพื่อนำพาความฝันของเราไปให้ถึงเป้าหมายตามที่พรรคสามัญชนตั้งไว้

สุดท้ายนี้ ผมขอลาออกจากตำแหน่งว่าที่รองหัวหน้าพรรคสามัญชน และสมาชิกพรรคสามัญชน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อให้การดำเนินการของพรรคในพื้นที่ภาคใต้ ได้ขยับและอธิบายต่อสังคมในเรื่อง อุดมคติ อุดมการณ์ของพรรคฯ ต่อไป

ภาพ:เฟซบุ๊กเอกชัย อิสระทะ