วันนี้ (10 เม.ย.) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด บริษัท อาร์ แอนด์ เอ คอมเมอร์เชียล วิฮีเคิลส์ เอสดีเอ็น. บีเอชดี. บริษัท รถยนต์เซินหลง (เซี่ยงไฮ้) จำกัด และบริษัท เทคโนโลยีพลังงานใหม่เป่ยฟังกวางโจว จำกัด เนื่องจากบอกเลิกสัญญาจัดซื้อจัดจ้างรถยนต์โดยสารปรับอากาศ NGV และค่าบำรุงรักษา จำนวน 489 คัน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเงิน 1,159,969,552.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น 1,147,831,350.06 บาท นับถัดจากวันที่ 7 มิถุนายน 2560 ซึ่งเป็นวันฟ้องคดีเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ ขสมก.ส่งมอบหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 30 กันยายน 2559 จำนวน 547,427.71 บาท คืนแก่บริษัท เบสท์ริน กับพวก ภายใน 60 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด หากคืนไม่ได้ ให้ชดใช้เป็นเงินตามจำนวนหนังสือค้ำประกันดังกล่าว
ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า การที่ ขสมก.อ้างสิทธิตามข้อ 21 ของสัญญาที่ว่า ขสมก.มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที หากบริษัทเบสท์ริน ส่งมอบรถไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดในสัญญา และมีสิทธิริบหลักประกัน รวมทั้ง สิทธิเรียกค่าเสียหายจากบริษัทได้นั้น เป็นการขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ที่คณะกรรมการตรวจสอบรับและทดสอบรถเมล์ NGV มีมติให้มีการส่งมอบรถเมล์ NGV เป็นงวด ๆ ได้ จึงเป็นข้ออ้างที่ไม่อาจรับฟังได้ การบอกสัญญาจึงไม่ชอบด้วยมาตร
ส่วนที่ ขสมก.อ้างว่า รถเมล์ NGV ดังกล่าว ไม่ได้เป็นรถนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคันจากประเทศจีน หรือ เป็นรถที่ประกอบในประเทศไทย แต่เป็นรถที่ประกอบขึ้นที่ประเทศมาเลเซียนั้น ศาลเห็นว่า จากประกาศของ ขสมก. เรื่องการจัดซื้อรถเมล์ NGV พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษา ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2559 มีเจตนารมณ์ในการจัดซื้อ ที่มิได้ถือแหล่งผลิต หรือแหล่งประกอบรถเมล์ NGV เป็นสาระสำคัญ ดังนั้น การที่ ขสมก.อ้างว่า บริษัท เบสท์ริน กับพวก เป็นฝ่ายผิดสัญญา และสามารถบอกเลิกสัญญาตามกฎหมายได้ จึงไม่อาจรับฟังได้ จึงพิพากษาให้ ขสมก.ชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว
นอกจากนี้ ศาลปกครองกลางยังได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ในคดีที่บริษัท สยาม สแตนดาร์ด เอนเนอจี้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมประมูลโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน หลังจากที่ ขสมก.ยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถเมล์จำนวนดังกล่าวจากบริษัท เบสท์รินแล้ว ได้ยื่นฟ้อง ขสมก. และคณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. (บอร์ด ขสมก.) กรณีบอร์ด ขสมก. มีมติในการประชุมครั้งที่ 16/2560 ให้ ขสมก.ทำสัญญาจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน วงเงิน 4,221 ล้านบาทเศษ จาก กลุ่มทำงาน SCN-CHO โดยบริษัท ช. ทวี จำกัด (มหาชน) และบริษัท สแกนอินเตอร์จำกัด (มหาชน)
เนื่องจากศาลเห็นว่า มติบอร์ด ขสมก.ในการประชุมครั้งที่ 15 /2560 วันที่ 18 ธันวาคม 2560 และการประชุมครั้งที่ 16/2560 วันที่ 20 ธันวาคม 2560 น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะปรากฏข้อเท็จจริงจากพยานว่า ในการประชุมทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว ไม่มีการลงมติอนุมัติให้ ขสมก.เข้าทำสัญญา และไม่มีการรับรองรายงานการประชุมดังกล่าว จึงสั่งมิให้ ขสมก.และบอร์ด ขสมก. นำมติดังกล่าวไปดำเนินการใดที่มีผลผูกพันกับ ขสมก.และบอร์ด ขสมก.เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ผู้บริหาร บริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลายสำนักโดยระบุว่า บริษัทได้ปฏิบัติตามขั้นตอน และชนะการประมูลอย่างถูกต้องซึ่ง ขสมก. ได้ดำเนินการตรวจสอบ และรับมอบรถบางส่วนไปแล้ว แต่ ขสมก. กลับมายกเลิกสัญญาภายหลัง ซึ่งถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย สำหรับรถเมล์ที่นำเข้ามา 489 คัน บางส่วนไม่มีการใช้งานกว่า 1 ปี สร้างความเสียหายอย่างมาก
ทั้งนี้นายคณิสสร์ยืนยันว่าพร้อมเจรจากับ ขสมก. เพื่อหาข้อยุติ ขณะเดียวกันจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางออกที่เป็นธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุด
ขณะที่ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงจะมอบหมายให้ ขสมก.ยื่นอุทธรณ์ทั้งสองคดีภายใน 30 วันตามกฎหมาย และในระหว่างนี้ ขสมก.จะไม่ดำเนินการใด ๆ ในโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV แม้ว่าจะมีการรับมอบรถไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่แปลกใจที่ศาลมีคำสั่งดังกล่าวพร้อมเชื่อมั่นว่าในที่สุดแล้ว ขสมก.จะชนะคดี