ไม่พบผลการค้นหา
ปิดม่านโรงภาพยนตร์สกาลา อย่างเป็นทางการ คนรักหนังร่วมส่งท้ายความทรงจำ กับภาพยนตร์ที่คัดสรรพิเศษมาฉาย และเก็บภาพความสวยงาม ราชาแห่งโรงภาพยนตร์ ที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม ใจกลางเมือง มายาวนาน 51 ปี

ตลอดวันที่ 3-5 ก.ค. โรงภาพยนตร์สกาลา ได้เปิดไฟทุกดวงสวยงามสว่างไสว โดยเฉพาะที่โคมระย้าที่โถงบันได อันเป็นเอกลักษณ์ติดตาของโรงภาพยนตร์ ผู้คนหลายพันคนหลั่งไหลมาร่วมเก็บความทรงจำครั้งสุดท้ายของโรงภาพยนตร์สกาลา ราชาแห่งโรงภาพยนตร์ ที่ตั้งตระหง่านใจกลางเมืองมานาน 51 ปีไม่ขาดสาย ตั้งแต่เย็นวันที่ 3 และต่อเนื่องตลอดวันที่ 4 และ 5 ล่วงเลยไปถึงยามเกือบเที่ยงคืนของทั้งสามวัน ตั๋วภาพยนตร์ประมาณ 2,500 ใบ จาก 6 รอบฉายสุดท้าย ถูกจำหน่ายหมดไปก่อนหน้างานหลายวันแล้ว แต่ยังผู้คนที่เดินทางมาเพียงเพื่อถ่ายรูปและมาเยือนโรงหนังอันเป็นที่รักแห่งนี้

สกาลา

ในวันที่ 4-5 ก.ค. หอภาพยนตร์ ได้ร่วมส่งท้ายการฉายภาพยนตร์ที่ โรงภาพยนตร์สกาลาด้วยโปรแกรมที่คัดสรรพิเศษ “La Scala ลา สกาลา” กับภาพยนตร์ 4 เรื่องได้แก่ Blow-Up หนังระทึกขวัญคลาสสิกของผู้กำกับชั้นครูชาวอิตาเลียน 'มิเคลันเจโล อันโตนิโอ' หนังชนะเลิศรางวัลกรังปรีซ์ รางวัลสูงสุดในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประจำปี 2510 

ตามมาด้วยภาพยนตร์สารคดี 2 เรื่องจากคนทำหนังไทย ในโปรแกรมควบ เริ่มด้วย The Scala สารคดีว่าด้วยความรุ่งเรืองและร่วงโรยของการอุทิศตัวของคนทำงานในโรงหนังสกาลา ซึ่งเป็นผลงานในโครงการเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เอเชีย โดยเทศกาลภาพยนตร์ปูซาน เมื่อปี 2559 ของ อาทิตย์ อัสสรัตน์ ต่อด้วย นิรันดร์ราตรี Phantom of Illumination สารคดีเชิงทดลองปี 2560 ของ วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย ที่เดินสายฉายตามเทศกาลต่าง ๆ มาแล้วทั่วเอเชีย ถ่ายทอดชีวิตของพนักงานฉายหนังของโรงหนังที่ต้องปิดตัวและถูกทุบทำลายลง (รอบ 15.00 น.) 

ปิดฉากด้วยภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย Cinema Paradiso ผลงานของ จูเซปเป ทอร์นาทอเร หนังอิตาเลียนเรื่องดังที่เฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่และเสน่ห์ตรึงตาของโรงภาพยนตร์ ที่สร้างความประทับใจให้ผู้ชมมาแล้วทั่วโลก เป็นดั่งบทส่งท้ายให้แก่สกาลาในฐานะสรวงสวรรค์ของคนรักหนัง (รอบ 18.00) โดยในการจัดฉายครั้งนี้หอภาพยนตร์ได้จัดที่นั่งสำหรับผู้เข้าชม ตามมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ยอดผู้ชมในแต่ละรอบนั้นลดลงไปกว่าครึ่ง มีการตรวจวัดอุณหภูมิ และมีเจลล้างมือไว้บริการ ตามมาตรฐานการบริการในช่วงเวลานี้

สกาลา

“และแล้ววันนี้ก็มาถึง” นันทา ตันสัจจา เจ้าของและผู้บริหารโรงภาพยนตร์สกาลา ขึ้นเวทีเพื่อกล่าวกับผู้ชมกลุ่มสุดท้ายในโรง หลังการฉายหนังเรื่อง Cinema Paradiso “สกาลาได้มอบความสุขให้ทุกท่านมา 51 ปี มาวันนี้เราต้องจากไป แต่ขอจากให้เป็นการจากไปด้วยความสุขและความทรงจำ” 

ในช่วงสุดท้ายหลังหนังรอบสุดท้ายของคืนวันที่ 5 ผู้ชมพากันปรบมือกึกก้อง ก่อนที่ นันทา และกัมพล ตันสัจจา สองพี่น้องแห่งครอบครัวตันสัจจาแห่งเครือเอเพ็กซ์ จะเซอไพรส์ผู้ชมโดยการขึ้นเวทีเพื่อกล่าวขอบคุณผู้ชม

“สถาปัตยกรรมอันสวยงามของเรา ช่วยกันถ่ายรูปไว้เยอะ ๆ เพราะจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว”
สกาลาสกาลา

กัมพล ตันสัจจา กล่าวว่า “คุณพ่อของผมตั้งใจสร้างสกาลาให้เป็นโรงที่สวยที่สุดในประเทศ มาวันนี้เราจะย้ายชื่อ ‘สกาลา’ ไปยังโรงละครของผมที่สวนนงนุช ที่พัทยา”

จากนั้นผู้บริหารและพนักงานของโรง ตั้งแถวเพื่อรอรับและขอบคุณผู้ชมกลุ่มสุดท้ายที่เดินออกจากโรง ในบรรยากาศที่คละเคล้าไปด้วยความเศร้าและความสุข  หลังจากนั้นผู้บริหารโรงยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมที่ไม่มีตั๋วหนังหลายร้อยคน ได้เข้าชมด้านในของโรงภาพยนตร์ด้วย ในขณะที่ถนนด้านนอก มีผู้มาเยี่ยมชมและถ่ายรูปป้ายไฟจำนวนมากตลอดทั้งวัน และยังคงปักหลักไปจนดึกดื่น

สกาลา

เมื่อถึงเวลา 22.00 พนักงานและผู้บริหารเดินมา ที่ โถงบันไดและเริ่มนับถอยหลังจากสิบ ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นสกาลาได้ปิดไฟทุกดวงของโรง ทั้งที่ป้ายไฟด้านหน้า ไฟโคมระย้า และไฟเพดาน เป็นการปิดฉากโรงอันเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ในประเทศไทยลง

ชลิดา เอื้อบำรุงจิต ผู้อำนวยการหอภาพยนตร์ พูดถึงการร่วมจัดงานส่งท้ายครั้งนี้ว่า “เมื่อปีที่แล้ว วันที่ 27 ตุลาคมในโอกาสวันมรดกโสตทัศน์โลก หอภาพยนตร์ได้ติดป้ายจารึกโรงภาพยนตร์สกาลาในฐานะสถานที่สำคัญทางมรดกโสตทัศน์ของชาติ และเป็นโรงภาพยนตร์แบบ stand alone แห่งสุดท้ายในกรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนจากองค์การยูเนสโก ร่วมกับ คุณนันทา ตันสัจจา เจ้าของและทายาทของผู้สร้างโรงภาพยนตร์สกาลา

นอกจากนี้ หอภาพยนตร์ได้ร่วมกับโรงภาพยนตร์สกาลา จัดฉายภาพยนตร์คลาสสิกจากทั่วโลกที่ทรงคุณค่าหาชมได้ยากมานานหลายปีรวมไปถึงโปรแกรม ทึ่ง! หนังโลก ที่มีผู้ชมให้ความสนใจและทำให้โรงสกาลาคึกคักด้วยคนดูทุกรุ่น เป็นการนำเอาศักยภาพความเป็นโรงขนาดใหญ่ที่มีบุคลิกโอ่โถงคลาสสิกออกมาได้เต็มที่ สถาปัตยกรรมอันมีคุณค่าของสกาลาหาไม่ได้อีกแล้วในโรงหนังส่วนใหญ่ และควรค่าแก่การอนุรกษ์ไว้เป็นหมุดหมายของภูมิทัศน์แห่งเมืองกรุง

ส่วนโปรแกรม ลา สกาลา ที่มีหนังสี่เรื่องเราเลือกหนังไทยและเทศที่มีความเกี่ยวข้องกับโรงภาพยนตร์ ทั้งความรุ่งเรืองและความแตกดับ อีกทั้งยังเป็นหนังที่แสดงพลังและศักยภาพของภาพในฐานะศิลปะและสื่อที่เข้าถึงผู้คน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ของสกาลาเป็นครั้งสุดท้าย”

สกาลาสกาลา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :