นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวระหว่างลงพื้นที่พบประชาชน เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (13 ม.ค.) ที่ตลาดบางแค กรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์การนโยบายเปลี่ยนสปก.4-01 ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิที่ดินกินสำหรับเกษตรกร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ ว่า เรื่องของที่ดินทำกินประชาชนคาดหวังอยากให้เข้ามาช่วยดูแล ซึ่งที่ดินก็ต้องแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ที่เอกชน ที่รัฐและพื้นที่ป่า ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากจะต้องมีแนวทางคือช่วยเหลือให้ประโยชน์กับประชาชน โดยไม่ปล่อยให้ที่ดินหลุดไปอยู่ในมือของนายทุนเหมือนกรณีเขาใหญ่และวังน้ำเขียว
"เมื่อได้รับส่วนข้อเสนอแนะเสียงวิพากษ์วิจารณ์จะรับฟัง พวกเราไม่ดื้อ อะไรที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุดเราจะเดินหน้า" นายกอบศักดิ์ กล่าว
ส่วนการทำหน้าที่ของ 4 รัฐมนตรีของพรรค จะคงทำหน้าที่ต่อไปและจะลาออกในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งในส่วนของนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการถือหุ้นบริษัทที่มีสัมปทานกับรัฐ ว่าให้เป็นไปตามกระบวนการ เช่นเดียวกับกรณีของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่จะต้องวินิจฉัย ทั้งนี้ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับ พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาพปชร.ปฏิบัติตามระเบียบของกกต. มาโดยตลอด ไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่น เพราะกังวลเหมือนกัน เพราะหากปฏิบัติไม่ถูกต้องอาจเกิดปัญหาเรื่องยุบพรรคได้ ซึ่งก่อนที่จะทำกิจกรรมอะไรก็จะหารือกับกกต.ก่อนเสมอ
สำหรับข้อเสนอเปลี่ยนเอกสารสิทธิ สปก.4-01 มาเป็นโฉนดเพื่อใช้ประโยชน์ได้นั้น เกิดขึ้นหลังจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ และ นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง พร้อมด้วยนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา ทั้ง 14 เขต ลงพื้นที่จ.นครราชสีมา เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเสวนาเรื่องการจัดทำนโยบายแก้ไขปัญหาที่ดินให้กับประชาชน
นายสมศักดิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้มาเพื่อยืนยันว่า ต้องการแก้ปัญหาให้กับประชาชนทั้งประเทศ ที่ถือครองที่ดิน สปก. โดยเฉพาะไม่สามารถโอนให้ลูกหลานได้ พรรคพลังประชารัฐ ได้พูดคุยประเด็นนี้มานาน รวมถึงได้พูดคุยกับประชาชน ที่มี สปก. โดยสะท้อนว่า ไม่สามารถโอนได้ เนื่องจากมีกฎหมาย สปก. ปี 2518 ที่ปัจจุบันยังไม่มีการปรับปรุงให้ทันสมัย โดยพรรคพลังประชารัฐ จะดำเนินการให้เรียบร้อย พร้อมยืนยัน สปก. ต้องถูกเปลี่ยนให้เป็นประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้การเปลี่ยน สปก. เป็นโฉนด จะไม่ไปสู่มือคนรวย หรือ นายทุน เพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์ และจากการลงพื้นที่เห็นอุปสรรคชัดเจน ที่ติดด้วยข้อกฎหมาย จึงทำให้ประชาชนเสียผลประโยชน์ในหลายอย่าง ส่วนข้อกังวลของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ที่ดินจะตกไปอยู่กับนายทุน ยืนยันว่า นายทุนคงไม่สนใจซื้อที่ดินเกษตร เพราะหากไม่ทำการเกษตรจะเสียภาษีแพง รวมถึงหากไม่เสียภาษี 10 ปี ที่ดินจะตกเป็นของรัฐ โดยมองว่า การที่นายทุนมาซื้อไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้ยืนยัน นี่ไม่ใช่การขายฝัน ตนทำอะไรทำจริงและจะทำให้สำเร็จให้ได้
'ประยุทธ์' ย้ำที่ดิน สปก. ที่ดินจัดสรร ต้องสงวนให้ลูกหลาน ทำการเกษตร
กระทั่งต่อมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดงาน "มหกรรมการแสดงผลการดำเนินงานโครงการตามแนวทางประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง" ที่เมืองทองธานี วันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า พื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นที่ดินของ สปก.หรือที่ดินที่จัดสรรให้เป็นที่ดินส่วนกลางของประเทศ จำเป็นต้องสงวนไว้ให้กับลูกหลานและเป็นพื้นที่ที่จัดไว้เพื่อทำการเกษตรหากวันหน้าพื้นที่เหล่านี้หายไป จะทำอย่างไร เพราะบางพื้นที่ก็เป็นที่ของเอกชน หากเขาขายไป การเกษตรก็จะหายไปแล้วใครหรือพื้นที่ไหนทำการเกษตรได้อีก ตนเข้าใจว่าทุกคนอยากได้ แต่ถ้าทุกอย่างถูกขายไปทั้งหมดลูกหลานจะทำอย่างไร
พร้อมกับกล่าวว่า ที่ตนพูดไม่ใช่จะไปคัดค้านกับใคร แต่ต้องสร้างหลักคิดที่ถูกต้องให้กับประชาชน วันนี้เราเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง การหาเสียงจะต้องเป���นเรื่องของการหาเสียง ไม่ใช่การขายฝัน และฝันยังไม่เป็นจริง เพราะแม้แต่การซื้อลอตเตอรี่ก็ยังไม่ถูก ดังนั้น เมื่อฝันแล้วก็ต้องทำด้วยจะได้เป็นไปตามฝัน ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางทำได้ ฉะนั้น ต้องทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วยกับนโยบายเปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 กว่า 30 ล้านไร่ ให้เป็นที่ดินทองคำให้แก่เกษตรกรของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถือเป็นจุดที่แสดงให้เห็นว่านายกฯ ยังไม่ได้รับการทาบทามจากพรรค พปชร. และไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถ้าดูจากแนวคิดดังกล่าวจะเห็นว่า นายกฯ พูดอย่างหนึ่ง แต่พรรคทำอีกอย่างหนึ่ง แสดงว่านายกฯ ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายเกี่ยวข้องอะไรอย่างที่มีการกล่าวหา
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธาน คณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ นายกรัฐมนตรีที่ให้ความเห็นและแสดงความเป็นห่วงแนวคิดของพรรค พปชร. ซึ่งก็เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีที่จะต้องรักษาที่ดินของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ป.ก.เพื่อให้เกษตรกรทำอาชีพการเกษตรต่อไป
อย่างไรก็ตาม พรรค พปชร.ต้องการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรให้ได้รับสิทธิในที่ดิน ส.ป.ก.ได้ตรงตามความต้องการ และตามสถานการณ์ที่แท้จริงในด้านเศรษฐกิจและสภาพพื้นที่ แต่กฎหมาย ส.ป.ก.ที่บังคับใช้อยู่ขณะนี้ มีมานาน 40 กว่าปีแล้ว จึงไม่สอดคล้องกับปัจจุบัน
ด้านเครือข่ายประชาชนที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) นำโดยนายสาธุ อนุโมทามิ ได้ยื่นข้อร้องเรียนต่อตัวแทนพล.อ.ประยุทธ์ โดยสนับสนุนให้ ส.ป.ก.มีอำนาจบริหารจัดการที่ดินให้ตรงศักยภาพของพื้นที่ รวมถึงเอกสารสิทธิที่จะให้แก่เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :