ไม่พบผลการค้นหา
เศรษฐา ทวีสิน สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จในการเยือนราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย เผยการเดินหน้าสานสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ หวังเพื่อขีดความสามารถในการค้า ลงทุน

21 ตค. ก่อนการเดินทางกลับประเทศไทย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำเร็จในการเยือนราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียว่า เมื่อคำว่าที่ 20 ต.ค. เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงริยาด ได้เลี้ยงรับรองอาหารค่ำให้กับตนกับคณะ โดยได้พบกับทีมไทยแลนด์ และเจ้าหน้าที่ทางพาณิชย์การค้า การลงทุน ซึ่งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ทั้งนี้ทางเอกอัครราชทูตไทยได้ให้ข้อคิดว่า ความจริงแล้วศักยภาพการค้า การลงทุน ที่ซาอุฯ ยังสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขยายการค้า ด้านการเกษตร เชิงพาณิชย์ และการลงทุน ซึ่งบีโอไอได้แจ้งว่าต้องการเจ้าหน้าที่ประจำซาอุฯ หลังจากพูดคุยกันแล้ว ตนมีความเข้าใจถึงความต้องการตรงนี้ และอยากให้เอกอัครราชทูตได้เขียนมาว่า เหตุผลที่ต้องการคืออะไร เพราะถือว่าเป็นประเทศหลักที่รัฐบาลเพิ่งเปิดความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ปิดไปนาน ถือว่าเป็นประเทศที่ไทยอยากมีความสัมพันธ์กันเพิ่มขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน การค้า การลงทุนขึ้นไปอีก

นายกฯ ชมนิทรรศการเมืองใหม่ เล็งต่อยอดเมกะโปรเจกต์ไทยอนาคต 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ตนได้ไปเยี่ยมชมเมืองโบราณของซาอุดีอาระเบีย ประมาณ 300-400 ปี ถือเป็นเมืองแรกในซาอุฯ ซึ่งถูกทำลายไปและสร้างขึ้นมาใหม่ โดยมีการลงทุนไปเยอะมาก ในการสร้างเมืองนี้แห่งการท่องเที่ยว มีการสร้างพื้นที่อย่างมโหฬหาร และได้ขึ้นเป็นทะเบียนมรดกโลกด้วย รวมถึงยังได้เยี่ยมชมนิทรรศการเมืองแห่งอนาคต ซึ่งจะมีการลงทุนกว่า 5 แสนล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อไปดูก็ตกใจในความอลังการยิ่งใหญ่ โดยซาอุฯ มีความมั่งคั่งสูงจากการค้าขาย ปิโตรเคมีคอล และน้ำมัน เพราะฉะนั้นจึงมีเงินทุนสูงมาก แต่เขาเองก็ทราบดีว่าโลกเปลี่ยนไป การส่งเสริมการลงทุนและสร้างเมืองใหม่เป็นเรื่องสำคัญ ตนได้ดูนิทรรศการและวิธีการที่เขาเสนอ ซึ่งการลงทุนน่าจะนำไปใช้ไก้ในการต้องทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในแง่เมกะโปรเจกต์ที่เราจะทำที่เมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือ แลนด์บริดจ์

นายกฯ เผยเอกชนซาอุฯ สนใจลงทุนในไทย

นายกฯ กล่าวอีกว่า ภาคเอกชน 4 บริษัท บริษัทแรกคือ ซาลิก เป็บริษัทที่ครบวงจรด้านการเกษตรและปศุสัตว์ มีการลงทุนไปทั่วโลก เพื่อสร้างความมั่ทนคงทางอาหาร เรารู้สึกแปลกใจอย่างมาก ขนาดประเทศเขามีแต่ทะเลทราย แต่มีบริษัทใหญ่ระดับโลกในการค้าขายสินค้าเกษตรตและปศุสัตย์ ที่อเมริกาใต้ ยุโรป และในเอเชีย วันนี้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง ทางด้านการเกษตร ด้านปศุสัตว์ เรื่องของวัว ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ว่าจะสามารถผลักดันไปด้วยกันหรือไม่ รวมถึงการทำถั่วเหลือง เป็นอีกเรือ่งที่เขามั่นใจว่า ความต้องการของตลาดโลก มีความรต้องากรที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสองเรื่องที่เราต้องการหารือ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเป็นไปได้จะให้รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำภาคเอกชนมาพูดคุยกับทาง บริษัทกับ SALIC ซึ่งเขาก็ยินดีและตื่นเต้น ที่เราจะมีการทำอะไรร่วมกันในมิติใหม่ๆ และมิติใหญ่ๆ รวมถึงได้เจอกับกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ หรือ PIF ซึ่งเป็นกองทุนที่ทีขนาดใหญ่มาก ลงทุนทั้งในซาอุฯและต่างประเทศ เช่น สหรัฐ และจีน แต่ยังไม่มีการลงทุนที่เมืองไทย แต่ก็ต้องการลงทุนด้านเมกะโปรเจกต์ เพราะฉะนั้นไทยเอง มีโครงการขนาดใหญ่เยอะ จึงจะมีการพูดคุยกันต่อ ทั้งนี้ทางบริษัทดังกล่าว ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทปิโตรเคมีและน้ำมัน ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีการค้าขายกับเราเยอะอยู่แล้ว และพยายามหาโอกาสร่วมมือทำธุรกิจกับไทยในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาโรงกลั่น ซึ่งเขาเข้าใจว่าโรงกลั่นเรา มีสภาพที่เก่า และต้องการอัพเกด ซึ่งต้องการเงินลงทุนหลายแสนล้านบาท จึงมีการพูดคุยและตนจะส่งเจ้าหน้าที่มาประสานงานต่อ และรายสุดท้าย คือ บริษัท SABIC ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ของซาอุดีฯ 1 ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ถือหุ้นคนเดียวกัน นั้นคือ PIF ซึ่งมีการลงทุนในเยอะมากอยู่แล้ว และเรื่องของปุ๋ย ที่ส่งให้เราเป็นรายใหญ่ที่สุด เอกชนไทยที่ทำเกษตรกรรมก็ซื้อจากบริษัทนี้เยอะมาก รวมถึงหัวเชื้อปุ๋ย ที่เรามีอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็จะมีการพูดคุยเพื่อหาความร่วมมือกัน และสิ่งที่น่ายินดีอย่างหนึ่ง ที่ตนถามเขาว่า บริษัท SABIC มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ปตท. และกลายบริษัทเอกชน ทางเขาติดขัดอะไรหรือไม่เกี่ยวกับการลงทุน การทำธุรกิจกับไทย ซึ่งเขาบอกไม่มีเลย ทุกอย่างได้รับการสนับสนุนที่ดีมาก และอยากให้การสัมพันธ์เดินต่อไป ตนต้องขอบคุณหน่วยงานต่างๆที่ร่วมงานกับทาง บริษัท SABIC ที่ทำให้เขาชื่นชมเราได้ตรงนี้ ก็หวังส่าการลงทุนจะพัฒนาต่อไปในทุกมิติ 

นายกฯ ห่วงหลังได้รับรายงานคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่ม 2 ราย ชี้คนไทยขอกลับไทยเพิ่มเกือบเท่ากับที่กลับมาแล้ว เผยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวดิวเอกชนมุสลิม นำกลับคนไทยเขตชายแดนจอร์แดนกลับได้วันละ 200 คน 

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ต.ค. ที่กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลว่า ขณะนี้มีคนไทยที่อิสราเอลถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มขึ้นอีก 2ราย ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจ แต่การต่อรองเรื่องตัวประกันยังคงต้องดำเนินการต่อไป ส่วนการลำเลียงคนไทยกลับนั้น ตอนนี้มีผู้แสดงเจตจำนง 8,500 คนแล้ว ซึ่งน่าเป็นห่วงว่า จำนวนคนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกือบเท่ากับจำนวนคนที่มีการนำกลับเข้ามา ซึ่งหมายความว่าจำนวนไม่ได้ลดลง ดังนั้น ทางที่ดีกว่าคือต้องพยายามหาทางเอาคนไทยกลับมาให้ได้อีก ซึ่งตนได้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับภาคเอกชนอีกหลายๆ ส่วน ที่มีเครื่องบินนำกลับเข้ามา ซึ่งขณะนี้มีเครื่องบินของมุสลิมลำหนึ่งที่จะสามารถนำกลับมาได้ จากแถวชายแดนประเทศจอร์แดน ก็กำลังพยายามใช้ความสามารถติดต่อสามารถนำคนมาขึ้นเครื่องบินได้หรือไม่

“เขามีให้ทุกวันๆ ละ 200 คน ตรงนี้จะพยายามสานต่อ และเพื่อให้มีการติดตามงานที่ชัดเจนมากขึ้น และรายงานให้กับประชาชนและครอบครัวที่มีความเป็นห่วงใยญาติพี่น้อง ซึ่งในวันที่ 23 ต.ค. เวลา 14.30 น. จะประชุมครั้งใหญ่ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรายงานความคืบหน้าให้ทราบ” นายกฯ กล่าว