ไม่พบผลการค้นหา
ผบช.น. ชี้คดี 'จ่านิว' ยังไม่ออกหมายจับใคร พร้อมนำคดีเก่าที่เคยถูกทำร้ายมาเทียบเคียง หาความคล้ายคลึงของพฤติการณ์ ก่อนสรุปปมทำร้าย แจงยังไม่ตัดทิ้งประเด็นกลุ่มการเมืองเดียวกันกระทำการ ฟาก 'อดีตเลขา สมช.' ชี้ผู้ก่อเหตุเย้ยกฎหมาย ทั้งที่ยังมีมาตรา 44

สำนักข่าวไทยรายงานระบุว่า พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกาย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว จนบาดเจ็บสาหัส ซึ่งขณะนี้ยังคงพักรักษาอาการที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ว่า ในวันนี้เป็นการประชุมภาพรวม จากที่สภาได้มีการเสนอให้ตำรวจมาดูความปลอดภัยของกลุ่มผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละพื้นที่เข้าไปดูแลความเรียบร้อย 

ในส่วนของนายสิรวิชญ์นั้น เบื้องต้นยังไม่มีการร้องขอให้คุ้มครองเป็นการส่วนตัว แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ดูแลความปลอดภัยอยู่ในโรงพยาบาลที่ นายสิรวิชญ์เข้ารักษาตัว 

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใคร มีเพียงการสเก็ตภาพรูปพรรณสัณฐานผู้ก่อเหตุเท่านั้น 

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ที่เคยเกิดเหตุนักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกทำร้าย นำคดีเก่า ๆ มาตรวจสอบเพื่อหาพฤติกรรมและลักษณะความคล้ายคลึง โดยสำหรับนายสิรวิชญ์ ที่ถูกทำร้ายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มองว่าเกิดจากการเมืองฝั่งตรงข้ามเท่านั้น เพราะจากเหตุการณ์เก่า ในหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสามารถจับกุมได้พบว่าเป็นกลุ่มการเมืองฝั่งเดียวกันที่ทำร้ายกันจึงไม่ตัดกลุ่มใดทิ้ง

ขณะที่ มติชนออนไลน์ รายงานว่า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวการรุมตีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักกิจกรรทางการเมือง จนอาการบาดเจ็บสาหัสว่า ความไม่คืบหน้าทางคดีเชิงประจักษ์ต่อสายตาประชาชนของคดีการประทุษร้ายนักกิจกรรมทางการเมืองกรณีนายสิรวิชญ์ และนักกิจกรรมรายอื่นๆ ทั้งที่ขณะที่ยังมี ม.44 และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยปฏิบัติหน้าที่อยู่ ถือเป็นการกระทำที่ท้าทายไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมืองเลย ส่งผลให้ไปสร้างความเชื่อมั่นกับพี่น้องประชาชนว่า คนร้ายที่ไปกระทำผิดน่าจะเป็นคนมีสีในเครื่องแบบเลยเถิดกันไปใหญ่ 

เหตุการณ์ลักษณะนี้มีโอกาสยากที่จะเกิดขึ้นในบรรยากาศห้วงที่รัฐบาลประชาธิปไตยจริงๆ บริหารอยู่ เชื่อว่ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจากการสืบทอดอำนาจ ที่มีภาพลักษณ์ของความไม่ลงรอยกันเอง ชัดเจนว่าไม่อาจจะดำรงอยู่ได้นาน เพราะจะแพ้ภัยตัวเองและถูกพรรคการเมืองปีกประชาธิปไตยและพลังประชาชนคนรุ่นใหม่รวมพลังกันผลักไสออกไปในที่สุด

"เมื่อนั้นพรรคเพื่อไทยพร้อมอาสาพี่น้องประชาชนเข้ามาเป็นรัฐบาลแทนพร้อมกับนโยบายสร้างทหารและตำรวจอาชีพ มีสำนึกประชาธิปไตย เคียงข้างรับใช้ประชาชน ซึ่งสามารถทำให้เป็นรูปธรรมได้ในระยะเวลาอันควรและเป็นที่พึงพอใจแก่พี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน พร้อมกันนั้นคดีความที่ค้างคาเหล่านี้จะต้องถูกนำมาสะสางให้เป็นที่กระจ่างชัดต่อสังคมกันต่อไป จะไม่มีการปล่อยให้คนร้ายลอยนวล" พล.ท.ภราดร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามีนักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายคน ทั้งนายเอกชัย หงส์กังวาน ,นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว และนายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง ถูกรุมทำร้ายร่างกาย โดยเฉพาะกรณีนายเอกชัยถูกทำร้ายหลายครั้ง ทั้งมีการไล่ล่าผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน มีทั้งเสียชีวิตและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งเป็นการกระทำที่รุนแรงและฝ่าฝืนกฎหมาย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :