วันนี้ (8 สิงหาคม 2568) ที่ มินิธัญญารักษ์ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานการดูแลผู้ป่วย การบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยกล่าวว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยรับผิดชอบหลักด้านการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด โดยยึดหลัก “ผู้เสพคือผู้ป่วย” เพื่อให้โอกาสในการพัฒนาตนเอง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบองค์รวม ครอบคลุมทุกมิติ โดยบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมุ่งเป้าหมายลดจำนวนผู้เสพรายใหม่ ฟื้นฟูผู้ที่เคยหลงผิดให้กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติสุข โดยในปี 2568 มีผู้เข้ารับการบำบัดในสถานพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ถึง 201,700 ราย มีการจัดตั้งศูนย์คัดกรองทุกตำบลที่ รพ.สต. รวม 9,982 แห่ง มีมินิธัญญารักษ์ในสถานพยาบาล 256 แห่ง รวม 5,080 เตียง และมีหอผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดใน รพศ./รพท. ครบทั้ง 147 แห่ง

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า จ.นครศรีธรรมราช เป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายที่ต้องมีการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง มีผู้ป่วยยาเสพติดที่เข้าสู่ระบบเกือบ 9,000 ราย โดย อ.ท่าศาลา ที่มีการจับกุมผู้ค้าและผู้เสพอย่างต่อเนื่อง มีผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว (ผู้ใช้ยา) มากที่สุด จึงมีการจัดตั้งกลไกการบำบัดฟื้นฟูในระดับพื้นที่เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ติดยา (กลุ่มสีเหลือง) หรือมีอาการทางจิตเวชแทรกซ้อน (กลุ่มสีแดง) โดยโรงพยาบาลท่าศาลา ได้ร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ ได้แก่ อำเภอท่าศาลา สำนักงานสาธารณสุขอำเภอท่าศาลา องค์การบริหารส่วนตำบลท่าศาลา และสถานีตำรวจภูธรท่าศาลา จัดตั้งสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด“มินิธัญญารักษ์ท่าศาลา” เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา ให้การบำบัดโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community-Based Treatment: CBTX) ในรูปแบบการบำบัดระยะสั้น FAST Model ซึ่งเป็นกระบวนการบำบัดฟื้นฟูแบบเข้มข้น ระยะเวลา 30 วัน ตั้งเป้าบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ใช้สารเสพติดกลุ่มสีเขียว ใน อ.ท่าศาลา ที่สมัครใจเข้ารับการบำบัด 100 คน โดยร้อยละ 80 ผ่านกระบวนการบำบัดครบถ้วน สามารถหยุดใช้สารเสพติดได้ ซึ่งล่าสุด มีผู้สมัครใจเข้ารับการบำบัดแล้ว 102 คน

“มินิธัญญารักษ์ ท่าศาลา” เป็นการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้นเพื่อช่วยยับยั้งปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล โดยจะเป็นต้นแบบการทำงานแบบบูรณาการตามแนวทาง CBTx มีระบบและกลไกการทำงานของภาคีเครือข่ายในการดูแลผู้ป่วยยาเสพติดอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพได้มากขึ้น ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับการเดินทางมารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทาง ตลอดจนช่วยแก้ปัญหาเตียงไม่พอ และลดความแออัดในการอยู่บำบัดรักษา” นายชัยชนะกล่าว