ไม่พบผลการค้นหา
‘อนุสิษฐ’ สว. เผย สว.มีหน้าที่รักษาสถาบันหลัก ย้ำประชาชนมอบฉันทามติผ่านรธน.60 ชี้อ้าง ปชต. ผ่านเลือกตั้งไม่แฟร์ หากไม่มี ‘ก้าวไกล’ ประเทศก็เปลี่ยนแปลง ห่วงมวลชนเคลื่อนไหวได้ แต่อย่าละเมิดสิทธิจนบ้านเมืองเกิดวิกฤต

วันที่ 24 ก.ค. ที่อาคารรัฐสภา ก่อนการประชุมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) อนุสิษฐ คุนากร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้เป็นกระบวนการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ซึ่ง สว.นั้นมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ขณะที่ สส. เองก็มีบทบาทหน้าที่ได้กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ อย่าไปคิดว่า สส. นั้นเป็นพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรืออย่าไปคิดว่า สว. นั้นมาจากเผด็จการ ขอให้พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ซึ่งสว.เองก็มีหน้าที่ตัดสินใจ และการตัดสินใจของ สว. นั้น มีรัฐธรรมนูญรองรับอยู่ว่าจะต้องตัดสินใจภายใต้เงื่อนไข รักษาชาติ รักษาอธิปไตย และรักษาสถาบันหลักของชาติที่

อนุสิษฐ กล่าวว่า ประชาชนได้มอบฉันทามติทำประชามติให้เราเข้ามาผ่านรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ตนเองจึงอยากทำให้ประชาชน เพื่อนร่วมชาติ ไม่ว่าจะเป็นด้อมส้มกลุ่มส้ม หรือจะเป็นคนเสื้อแดง คนเสื้อเหลืองหรือเป็นคนที่ใส่เสื้อทุกๆ สี ล้วนเป็นคนไทยทั้งสิ้น บ้านเมืองจะเจริญก้าวหน้าต่อไปได้เป็นเรื่องของความสงบเรียบร้อย เอกภาพ และบูรณภาพของสังคมไทย เป็นเรื่องที่สำคัญ

อนุสิษฐ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่เคยเป็นเลขาธิการอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในการทำหน้าที่เหล่านี้ ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องของความต้องการของชาติบ้านเมืองและผลประโยชน์ของชาติ เป็นเรื่องที่สำคัญ ส่วนเรื่องการแสดงออกเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่หากเป็นการแสดงออกที่ก่อให้เกิดความไม่สงบ เรื่องของการทำความผิดต่อกฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกหลานที่เป็นเยาวชน เราต้องอบรมกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยที่มีการเคลื่อนไหว มีเงื่อนไขอะไรบ้าง เช่นการปฏิบัติตามกฎหมายการเป็นพลเมืองที่ดี ไม่ทำให้สังคมเดือดร้อนใช้สิทธิเสรีภาพต้องไม่ไปกระทบสิทธิเสรีภาพของคนอื่นซึ่งเป็นหลักของประชาธิปไตยอยู่แล้ว

"การอ้างประชาธิปไตยโดยเฉพาะการเลือกตั้งอย่างเดียวนั้นผมคิดว่าไม่แฟร์กับประเทศชาติ ผมจึงเห็นด้วยว่าประชาชนมีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงและก็เชื่อว่าพรรคการเมืองที่จะเข้ามาบริหารประเทศเขาก็จะต้องเอาเสียงประชาชน ทั้ง14 ล้านเสียง หากก้าวไกลได้เข้ามาร่วมรัฐบาลได้การขับเคลื่อนในส่วนนั้นก็จะดำเนินการได้แต่หากก้าวไกลไม่ได้ร่วมผมไม่เชื่อว่าพรรคการเมืองชุดใหม่จะไม่เอานโยบายของพรรคก้าวไกลมาดำเนินการ ซึ่งสิ่งที่ทำได้ก็เป็นประโยชน์ของประชาชนทั้งสิ้น" อนุสิษฐ กล่าวว่า

เมื่อถามถึงการเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค.ที่จะถึงนี้ออกไป อนุสิษฐ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภา และพรรคที่ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล ทาง สว. ไม่มีอำนาจหน้าที่ในส่วนนี้แม้แต่การเสนอ และการรับรองบทบาทของ สส.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทบาทของ สว. เรื่องนี้เป็นเรื่องของ สส.โดยตรง อนุสิษฐ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่หากไม่มีพรรคก้าวไกลจะทำให้จัดตั้งรัฐบาลได้ง่ายขึ้นว่า ก็เป็นข่าวที่ทราบเท่าๆ กับทุกคน เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยต้องนำไปพิจารณา 

เมื่อถามว่า หากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการผลักพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน และมีมวลชนจำนวนหนึ่งแสดงปฎิกิริยาที่หลังจากพรรคเพื่อไทยมีการพูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐจนเกิดความวุ่นวาย อนุสิษฐ กล่าวว่า ตนเองมีความเข้าใจพลังของประชาชนความเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้นโยบายของพรรคก้าวไกลตามที่พรรคก้าวไกลได้หาเสียงไว้ แต่ตนไม่เชื่อว่าหากไม่มีพรรคก้าวไกลแล้วการเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้น

หลายสิ่งหลายอย่างได้สะท้อนสิ่งที่เป็นปัญหาของชาติบ้านเมือง จากหลายมิติโดยเฉพาะจากพรรคก้าวไกลที่กล้ามองและกล้านำเสนอ ซึ่งเป็นประโยชน์แต่ไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านประชาชนต้องเข้าใจเพราะประชาธิปไตยมีสองมุม ส่วนนึงหากได้เป็นรัฐบาลก็จะได้เข้าไปบริหารประเทศ แต่หากได้เป็นฝ่ายค้านก็ต้องเข้าไปทำหน้าที่ตรวจสอบการยื่นข้อเสนอความต้องการของรัฐบาลในฐานะเสียงจากประชาชนได้อยู่ดี

เมื่อถามถึงความกังวลถึงมวลชนหากพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล อนุสิษฐ ระบุว่า ส่วนตัวแล้วมีความกังวลในเรื่องเหล่านั้นแน่นอนสำหรับบุคคลที่ทำหน้าที่ดูแลบ้านเมืองโดยเฉพาะราชการ เพราะการเคลื่อนไหวของมวลชน เป็นการเคลื่อนไหวของลูกหลานเรา เยาวชนเราพี่น้องเราเพื่อนร่วมชาติเรา ดังนั้นการเคลื่อนไหวเหล่านั้นในระบอบประชาธิปไตย และการไปละเมิดสิทธิของผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้แต่อย่าทำให้ชาติบ้านเมืองเกิดวิกฤตทางสังคมและเกิดความไม่สงบสุข ซึ่งสุดท้ายแล้วคนที่ต้องรับผิดชอบคือผู้หลักผู้ใหญ่ เด็กๆ เยาวชน ได้อธิบาย และสร้างความเข้าใจ ในกระบวนการทางประชาธิปไตย เพราะกระบวนการที่แท้จริงไม่ใช่การเอาชนะเพื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลเท่านั้น 

“ในอดีตเราเคยมีพรรคฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง และในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็ได้เห็นศักยภาพของพรรคก้าวไกลที่ทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง และประชาชนได้รับประโยชน์มาโดยตลอด ซึ่ง สส. หลายคนของพรรคก้าวไกลเป็นบุคคลที่มีศักยภาพเป็นคนรุ่นใหม่ มีเวลามีประสบการณ์ แม้จะน้อย แต่ก็ควรนำประสบการณ์จากอดีตอย่าหลงลืม และละเลยการสร้างชาติของพวกเราทุกคน” อนุสิษฐ กล่าว 

เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยใน สว.อีกครั้งหรือไม่ อนุสิษฐ กล่าวว่า ส่วนตัวตอบแทนทุกคนไม่ได้แต่สิ่งที่เห็นในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีความคิดเห็นที่เหมือนกันในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะ ม.112 บทบาท และทิศทาง การปกครองตัวเองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กฎหมายอาญาระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่ประชาชนหลายส่วนยังไม่เข้าใจ ว่าในท้ายที่สุดแล้วเรามีผลได้ผลเสียอย่างไรและประเทศชาติจะมีผลกระทบอะไรบ้าง